“สุชาติ” มอบ สกศ.ตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจแก้ปัญหาความรุนแรงเด็กอย่างยั่งยืน พร้อมแนะให้นำเรื่องการสร้างความเป็นธรรม และการแก้ปัญหาคอรัปชันบรรจุในแผนการศึกษาชาติ
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่โรงแรมพลูแมน ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังมอบนโยบายในที่ประชุมคณะกรรมการสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ครั้งที่ 1 กล่าวว่า ตนได้มอบนโยบายสำคัญ 24 นโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุม พร้อมได้เสนอแนะเกี่ยวกับแผนการศึกษาของชาติ ซึ่งเป็นแผนที่เขียนได้ดีมาก แต่ไม่ได้นำมาสู่การปฏิบัติ เพราะยังไม่ได้สอบข้อเท็จจริงบางเรื่อง เช่น การโยกย้ายบุคคลที่ไม่เป็นธรรม และการคอร์รัปชันควรนำ 2 เรื่องนี้ใส่เข้าไปในแผนการศึกษาของชาติและทำให้โปร่งใส่ และหลังจากแก้ไขความเป็นธรรมแล้ว ต้องให้ครูมีความรับผิดชอบต่อเป้าหมาย มาดูแลการสอนหนังสือ โดยนำระบบการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) มาใช้ คือ คะแนนที่ครูให้เด็ก 100% ครูจะให้คะแนนจากการสอบการสอนในห้องเรียน 80% ส่วน 20% ที่เหลือจะใช้คะแนนจากการสอบ O-Net นอกจากนั้นคะแนนการสอบของเด็ก จะนำมาใช้ในการทำวิทยฐานะครู เลื่อนตำแหน่ง โดยคิดเป็น 50% ของการทำวิทยฐานะ ลดคะแนนงานรายงาน ซึ่งถ้าเด็กคะแนนสอบ O-Net ดีขึ้น ครูที่สอบจะนำคะแนนมาคิด เพื่อให้ครูตั้งใจสอนให้เด็กนักเรียนเก่งขึ้น ฉลาดขึ้น รวมถึงปฏิวัติการเรียนการสอน จะใช้แท็บแล็ตเข้าไปช่วยในการสอน
ด้านนายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า รมว.ศึกษาธิการ มอบหมายให้คณะกรรมการ สกศ.บูรณาการนโยบายของรัฐบาล แผนการศึกษาแห่งชาติ และแผนปฏิรูปการศึกษา ให้เกิดเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องของความโปร่งใส รวมถึงได้ให้นโยบายในการแก้ปัญหาความรุนแรงของสถาบันการศึกษา โดยได้มอบให้สภาการศึกษาเข้ามาดูแลเรื่องจัดระบบการศึกษาให้ลด หรือปราศจากประเด็นเรื่องความขัดแย้ง คือ แก้ที่รากเหง้าของปัญหา โดยให้ตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อลดหรือแก้ปัญหาความรุนแรง นอกจากนั้น จะขอความร่วมมือไปในส่วนของกองทัพ ทหาร เพื่อฝึกความมีระเบียบวินัย เห็นประโยชน์ของชาติมากกว่าประโยชน์ของตนเอง และบทบาททางศาสนา เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องการสอนจรรยาบรรณ ศีลธรรม เพื่อให้เด็กอาชีวะสำเนียงเรียนตามความรู้ที่เกิดขึ้นตามในห้องเรียน และสำนึกด้านจริยธรรม
“การจัดการด้านอาชีวะทางคณะกรรมการสกศ.จะเร่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อดูเรื่องนี้ตามที่ รมว.ศธ.มอบหมาย โดยจะเน้นการทำให้เด็กได้ใช้ประโยชน์จากสมองส่วนหน้ามากกว่าสมองส่วนหลัง ทำอย่างไรให้อาชีวศึกษา เป็นอนาคตของประเทศ เด็กจบมามีวิชาชีพและมีคุณธรรม มองเห็นวิชาชีพ เห็นอนาคตของตนเอง โดยคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจจะเข้าไปดูการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน” นายเอนก กล่าวและว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ สกศ.ยังได้เห็นด้วยที่จะให้ภาคเอกชนเข้ามาควรมีบทบาทในการจัดการศึกษา กำหนดหลักสูตร ทิศทาง เพื่อไม่ให้เด็กเรียนไปแล้วตกงาน เพราะบางครั้งความต้องการของบุคลากรของภาคเอกชนไม่สอดคล้องกับสิ่งที่สถาบันการศึกษาผลิตออกมา อย่างไรก็ตาม จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการคณะเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อดำเนินการให้เสร็จภายใน 3-6 เดือน
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่โรงแรมพลูแมน ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังมอบนโยบายในที่ประชุมคณะกรรมการสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ครั้งที่ 1 กล่าวว่า ตนได้มอบนโยบายสำคัญ 24 นโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุม พร้อมได้เสนอแนะเกี่ยวกับแผนการศึกษาของชาติ ซึ่งเป็นแผนที่เขียนได้ดีมาก แต่ไม่ได้นำมาสู่การปฏิบัติ เพราะยังไม่ได้สอบข้อเท็จจริงบางเรื่อง เช่น การโยกย้ายบุคคลที่ไม่เป็นธรรม และการคอร์รัปชันควรนำ 2 เรื่องนี้ใส่เข้าไปในแผนการศึกษาของชาติและทำให้โปร่งใส่ และหลังจากแก้ไขความเป็นธรรมแล้ว ต้องให้ครูมีความรับผิดชอบต่อเป้าหมาย มาดูแลการสอนหนังสือ โดยนำระบบการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) มาใช้ คือ คะแนนที่ครูให้เด็ก 100% ครูจะให้คะแนนจากการสอบการสอนในห้องเรียน 80% ส่วน 20% ที่เหลือจะใช้คะแนนจากการสอบ O-Net นอกจากนั้นคะแนนการสอบของเด็ก จะนำมาใช้ในการทำวิทยฐานะครู เลื่อนตำแหน่ง โดยคิดเป็น 50% ของการทำวิทยฐานะ ลดคะแนนงานรายงาน ซึ่งถ้าเด็กคะแนนสอบ O-Net ดีขึ้น ครูที่สอบจะนำคะแนนมาคิด เพื่อให้ครูตั้งใจสอนให้เด็กนักเรียนเก่งขึ้น ฉลาดขึ้น รวมถึงปฏิวัติการเรียนการสอน จะใช้แท็บแล็ตเข้าไปช่วยในการสอน
ด้านนายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า รมว.ศึกษาธิการ มอบหมายให้คณะกรรมการ สกศ.บูรณาการนโยบายของรัฐบาล แผนการศึกษาแห่งชาติ และแผนปฏิรูปการศึกษา ให้เกิดเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องของความโปร่งใส รวมถึงได้ให้นโยบายในการแก้ปัญหาความรุนแรงของสถาบันการศึกษา โดยได้มอบให้สภาการศึกษาเข้ามาดูแลเรื่องจัดระบบการศึกษาให้ลด หรือปราศจากประเด็นเรื่องความขัดแย้ง คือ แก้ที่รากเหง้าของปัญหา โดยให้ตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อลดหรือแก้ปัญหาความรุนแรง นอกจากนั้น จะขอความร่วมมือไปในส่วนของกองทัพ ทหาร เพื่อฝึกความมีระเบียบวินัย เห็นประโยชน์ของชาติมากกว่าประโยชน์ของตนเอง และบทบาททางศาสนา เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องการสอนจรรยาบรรณ ศีลธรรม เพื่อให้เด็กอาชีวะสำเนียงเรียนตามความรู้ที่เกิดขึ้นตามในห้องเรียน และสำนึกด้านจริยธรรม
“การจัดการด้านอาชีวะทางคณะกรรมการสกศ.จะเร่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อดูเรื่องนี้ตามที่ รมว.ศธ.มอบหมาย โดยจะเน้นการทำให้เด็กได้ใช้ประโยชน์จากสมองส่วนหน้ามากกว่าสมองส่วนหลัง ทำอย่างไรให้อาชีวศึกษา เป็นอนาคตของประเทศ เด็กจบมามีวิชาชีพและมีคุณธรรม มองเห็นวิชาชีพ เห็นอนาคตของตนเอง โดยคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจจะเข้าไปดูการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน” นายเอนก กล่าวและว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ สกศ.ยังได้เห็นด้วยที่จะให้ภาคเอกชนเข้ามาควรมีบทบาทในการจัดการศึกษา กำหนดหลักสูตร ทิศทาง เพื่อไม่ให้เด็กเรียนไปแล้วตกงาน เพราะบางครั้งความต้องการของบุคลากรของภาคเอกชนไม่สอดคล้องกับสิ่งที่สถาบันการศึกษาผลิตออกมา อย่างไรก็ตาม จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการคณะเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อดำเนินการให้เสร็จภายใน 3-6 เดือน
