สพฐ.ย้ำ การขยาย ร.ร.เพิ่มต้องดูเหตุผลความจำเป็น หวั่นกระทบคุณภาพ เผย ข้อหารือ ใน ก.ค.ศ.กรณี ร.ร.เล็กที่ผู้บริหารเกษียณจะใช้ผู้บริหาร ร.ร.ใกล้เคียงมาดูแลควบรวมแทนการตั้งใหม่
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ในการแบ่งเขตพื้นที่ทางการศึกษาประถมศึกษา และเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พยายามให้โรงเรียนแต่ละระดับสอนในระดับของตัวเอง เพราะการแบ่งเขตพื้นที่ฯประถมและมัธยมที่ชัดเจน ก็เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและไม่เกิดปัญหาในการพัฒนาการศึกษา ซึ่งปรัชญาของการจัดเขตประถมและมัธยมก็แตกต่างกัน เนื่องจากเด็กนักเรียนอยู่ในวัยที่ต่างกัน ก็ต้องการครู และผู้บริหารที่มีความถนัดและมีความชำนาญที่ถ่ายทอดให้นักเรียนประถมและมัธยมนี่คือที่มาของการการแบ่งเขต สพฐ.จึงอยากให้โรงเรียนประถมคงเป็นโรงเรียนประถมต่อไป แต่หากมีเหตุจำเป็นที่ไม่มีโรงเรียนมัธยมในพื้นที่ใกล้เคียงก็อนุโลมให้เป็นโรงเรียนขยายโอกาส แต่หากเป็นโรงเรียนขยายโอกาสอยู่แล้ว บางครั้งจะขอเปิดเป็นโรงเรียนสอนมัธยมศึกษาตอนปลาย สพฐ.จึงต้องเข้มงวดในส่วนนี้ เพราะว่าต้องมีเหตุผลที่จำเป็นจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นโรงเรียนหนึ่งจะสอนทุกๆ ระดับและจะไม่มีคุณภาพ
“การขยายโอกาสบางครั้งก็มีส่วนกระทบโรงเรียนขนาดเล็กด้วย เพราะต้องจัดทรัพยากรต่างๆ จึงอาจทำให้ไม่มีระบบ สำหรับการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กจำนวน 14,000 โรงทั่วประเทศ นั้นต้องใช้เวลา และยังไม่มีการเดินหน้าสั่งยุบโรงเรียนขนาดเล็ก แต่จะดูตามสภาพความพร้อมซึ่งตามนโยบายเชิงบริหารของโรงเรียนขนาดเล็กหากมีตำแหน่งผู้อำนวยการที่จะเกษียณอายุ ก็จะไม่ตั้งผู้บริหารใหม่เข้าไปทำหน้าที่แทน โดยในการประชุมการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ มีการหารือกันว่า อาจจะใช้ผู้อำนวยการในพื้นที่ใกล้เคียงมาบริหารควบไปก่อน”เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ในการแบ่งเขตพื้นที่ทางการศึกษาประถมศึกษา และเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พยายามให้โรงเรียนแต่ละระดับสอนในระดับของตัวเอง เพราะการแบ่งเขตพื้นที่ฯประถมและมัธยมที่ชัดเจน ก็เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและไม่เกิดปัญหาในการพัฒนาการศึกษา ซึ่งปรัชญาของการจัดเขตประถมและมัธยมก็แตกต่างกัน เนื่องจากเด็กนักเรียนอยู่ในวัยที่ต่างกัน ก็ต้องการครู และผู้บริหารที่มีความถนัดและมีความชำนาญที่ถ่ายทอดให้นักเรียนประถมและมัธยมนี่คือที่มาของการการแบ่งเขต สพฐ.จึงอยากให้โรงเรียนประถมคงเป็นโรงเรียนประถมต่อไป แต่หากมีเหตุจำเป็นที่ไม่มีโรงเรียนมัธยมในพื้นที่ใกล้เคียงก็อนุโลมให้เป็นโรงเรียนขยายโอกาส แต่หากเป็นโรงเรียนขยายโอกาสอยู่แล้ว บางครั้งจะขอเปิดเป็นโรงเรียนสอนมัธยมศึกษาตอนปลาย สพฐ.จึงต้องเข้มงวดในส่วนนี้ เพราะว่าต้องมีเหตุผลที่จำเป็นจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นโรงเรียนหนึ่งจะสอนทุกๆ ระดับและจะไม่มีคุณภาพ
“การขยายโอกาสบางครั้งก็มีส่วนกระทบโรงเรียนขนาดเล็กด้วย เพราะต้องจัดทรัพยากรต่างๆ จึงอาจทำให้ไม่มีระบบ สำหรับการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กจำนวน 14,000 โรงทั่วประเทศ นั้นต้องใช้เวลา และยังไม่มีการเดินหน้าสั่งยุบโรงเรียนขนาดเล็ก แต่จะดูตามสภาพความพร้อมซึ่งตามนโยบายเชิงบริหารของโรงเรียนขนาดเล็กหากมีตำแหน่งผู้อำนวยการที่จะเกษียณอายุ ก็จะไม่ตั้งผู้บริหารใหม่เข้าไปทำหน้าที่แทน โดยในการประชุมการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ มีการหารือกันว่า อาจจะใช้ผู้อำนวยการในพื้นที่ใกล้เคียงมาบริหารควบไปก่อน”เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
