ศน.ห่วงคนพิการถูกสังคมเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เตรียมทำโครงการธรรมะสู่คนพิการ ยกระดับจิตใจในการใช้ชีวิตประจำวัน พร้อมให้ความรู้แก่ประชาชนและกระตุ้นจิตสำนึกในการให้โอกาสแก่คนพิการ
นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวว่า ศน.ได้พบข้อมูลที่น่าสนใจของรายงานการวิจัยเรื่อง “การศึกษาความหมายและคุณค่าชีวิตของคนพิการในพระพุทธศาสนา” พบว่า คนพิการส่วนใหญ่เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในความพิการ ถูกสังคมดูแคลน และขาดการให้โอกาสจากสังคมได้แสดงศักยภาพเช่นเดียวกับคนปกติ โดยผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะไว้ว่า การแก้ปัญหาดังกล่าวควรให้ความรู้เรื่องความหมายและคุณค่าของชีวิตคนพิการในพระพุทธศาสนาแก่พระสงฆ์ และประชาชนทั่วไปให้กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมให้คนพิการได้รับการศึกษา การเรียนรู้ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศาสนาตามความเหมาะสมของสภาพความพิการด้วย
นายปรีชา กล่าวว่า จากรายงานดังกล่าว ศน.ตระหนักถึงความสำคัญของคนพิการในฐานะเป็นพลังส่วนหนึ่งของสังคม จึงนำผลวิจัยมาต่อยอด ทำโครงการนำธรรมะสู่คนพิการขึ้น เพื่อสนับสนุนให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญ และศักยภาพของคนพิการ ด้วยการให้โอกาสคนพิการได้เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา ที่สำคัญ จะทำให้คนพิการนำหลักธรรมทางศาสนามาปรับใช้เป็นเครื่องมือพัฒนาตนและจิตใจในชีวิตประจำวันได้ สำหรับกิจกรรมที่ ศน.จะให้คนพิการได้ร่วมทำกิจกรรม อาทิ โครงการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในวันสำคัญต่างๆ เนื่องในโอกาสฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และ พระบรมวงศานุวงศ์
นายปรีชา กล่าวอีกว่า ผู้พิการจะได้สวดมนต์ ทำบุญตักบาตร รักษาศีล เจริญจิตภาวนา กล่อมเกลาจิตใจของตนเองให้รู้ว่าถึงแม้ร่างกายจะพิการ แต่มีจิตใจที่ดีงาม มีสติปัญญา สร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้แก่สังคม ที่สำคัญ ศน.จะนำผู้พิการเข้าร่วมกิจกรรมของเครือข่ายองค์กร 5 ศาสนาด้วยในการเรียนรู้ความหลากหลายของแต่ละศาสนา และ ศน.จะกระตุ้นให้คนในสังคมเข้าใจช่วยเหลือ สนับสนุน ให้โอกาสแก่คนพิการ เพื่อศักดิ์ศรีของคนพิการ พร้อมสร้างความตื่นตัวของประชาชนต่อคนพิการทุกๆ ด้านอีกด้วย
นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวว่า ศน.ได้พบข้อมูลที่น่าสนใจของรายงานการวิจัยเรื่อง “การศึกษาความหมายและคุณค่าชีวิตของคนพิการในพระพุทธศาสนา” พบว่า คนพิการส่วนใหญ่เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในความพิการ ถูกสังคมดูแคลน และขาดการให้โอกาสจากสังคมได้แสดงศักยภาพเช่นเดียวกับคนปกติ โดยผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะไว้ว่า การแก้ปัญหาดังกล่าวควรให้ความรู้เรื่องความหมายและคุณค่าของชีวิตคนพิการในพระพุทธศาสนาแก่พระสงฆ์ และประชาชนทั่วไปให้กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมให้คนพิการได้รับการศึกษา การเรียนรู้ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศาสนาตามความเหมาะสมของสภาพความพิการด้วย
นายปรีชา กล่าวว่า จากรายงานดังกล่าว ศน.ตระหนักถึงความสำคัญของคนพิการในฐานะเป็นพลังส่วนหนึ่งของสังคม จึงนำผลวิจัยมาต่อยอด ทำโครงการนำธรรมะสู่คนพิการขึ้น เพื่อสนับสนุนให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญ และศักยภาพของคนพิการ ด้วยการให้โอกาสคนพิการได้เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา ที่สำคัญ จะทำให้คนพิการนำหลักธรรมทางศาสนามาปรับใช้เป็นเครื่องมือพัฒนาตนและจิตใจในชีวิตประจำวันได้ สำหรับกิจกรรมที่ ศน.จะให้คนพิการได้ร่วมทำกิจกรรม อาทิ โครงการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในวันสำคัญต่างๆ เนื่องในโอกาสฉลองพุทธชยันตี 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และ พระบรมวงศานุวงศ์
นายปรีชา กล่าวอีกว่า ผู้พิการจะได้สวดมนต์ ทำบุญตักบาตร รักษาศีล เจริญจิตภาวนา กล่อมเกลาจิตใจของตนเองให้รู้ว่าถึงแม้ร่างกายจะพิการ แต่มีจิตใจที่ดีงาม มีสติปัญญา สร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้แก่สังคม ที่สำคัญ ศน.จะนำผู้พิการเข้าร่วมกิจกรรมของเครือข่ายองค์กร 5 ศาสนาด้วยในการเรียนรู้ความหลากหลายของแต่ละศาสนา และ ศน.จะกระตุ้นให้คนในสังคมเข้าใจช่วยเหลือ สนับสนุน ให้โอกาสแก่คนพิการ เพื่อศักดิ์ศรีของคนพิการ พร้อมสร้างความตื่นตัวของประชาชนต่อคนพิการทุกๆ ด้านอีกด้วย
