“สุกุมล” เร่งทุกภาคส่วนร่วมมือรับสถานการณ์อุทกภัย หลังลงพื้นที่ฉะเชิงเทราตามที่ นายกฯ มอบหมาย มั่นใจเอาอยู่
วันนี้ (12 มิ.ย.) นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานโครงการช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย รวมถึงการเตรียมการการป้องกันและรับมือสถานการณ์อุทกภัยในปี 2555 ในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยติดตามดูงานก่อสร้าง งานปรับปรุงระบบส่งน้ำ และสถานีสูบน้ำประตูระบายน้ำท่าไข่ ในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการระบายน้ำทางฝั่งตะวันออก และสูบออกทะเล อ่าวไทย หากมีปริมาณน้ำเหนือหลากจากจังหวัดสระบุรี นครนายก และ ลพบุรี เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดฉะเชิงเทรา และช่วยเหลือน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้คณะรัฐมนตรีมีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการลงพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ ที่ประสบอุทกภัย และจะมีการลงพื้นที่คู่ขนานในจังหวัดที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยจะใช้เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เป็นศูนย์กลางติดตามข้อมูลและประชุมระบบร่วมกับรัฐมนตรี และผู้ว่าราชการในกลุ่มจังหวัด ในการติดตามและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับอุทกภัย แบบนาทีต่อนาที หรือเรียลไทม์ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาทำได้ทันท่วงที ขณะเดียวกัน จะได้ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุน้ำท่วม เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์
นางสุกุมล กล่าวอีกว่า การเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัยปี 2555 ได้เร่งรัดให้ขุดลอกคูคลอง และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ อย่างเช่น ผักตบชวา เศษขยะ ให้แล้วเสร็จก่อนฤดูน้ำหลาก เพื่อให้การระบายน้ำที่ผันสู่แม่น้ำบางปะกง ลงทะเลอ่าวไทยได้ดีขึ้น รวมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำถาวรในโครงการพระองค์เจ้าไชยานุชิต จำนวน 88 เครื่อง ก่อนเดือนสิงหาคมซึ่งจะระบายน้ำได้จำนวน 294 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งมากกว่าปริมาณน้ำในปี 54 ที่มีปริมาณน้ำ จำนวน 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อีกทั้งยังขอให้จังหวัดฉะเชิงเทรา มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับจังหวัดใกล้เคียงเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ เพื่อเผยแพร่แก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง สำหรับในส่วนของโครงการชลหารพิจิตร มีความสามารถในการระบายน้ำในฤดูน้ำหลากได้ถึง 385 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งช่วยป้องกันมิให้น้ำเข้าท่วมสนามบินสุวรรณภูมิ นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ทั้งนี้ จากการดำเนินงานของตามแผนบริหารและจัดกการน้ำของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และความตั้งใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ มั่นใจว่าจะสามารถรับสถานการณ์อุทกภัยและไม่น่าเป็นห่วง
“แม้ว่าพื้นที่ฉะเชิงเทรา จะสูงกว่าสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ได้ติดตั้งเครื่องสฺบน้ำ และแก้มลิง จึงมั่นใจว่า ปีนี้ไม่น่าเป็นห่วง” นางสุกุมล กล่าวและว่า หลังจากนี้ จะรวบรวมผลการดำเนินงานและสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด และเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อร่วมกันวางแผนและแก้ไขปัญหาต่อไป
วันนี้ (12 มิ.ย.) นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานโครงการช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย รวมถึงการเตรียมการการป้องกันและรับมือสถานการณ์อุทกภัยในปี 2555 ในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยติดตามดูงานก่อสร้าง งานปรับปรุงระบบส่งน้ำ และสถานีสูบน้ำประตูระบายน้ำท่าไข่ ในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการระบายน้ำทางฝั่งตะวันออก และสูบออกทะเล อ่าวไทย หากมีปริมาณน้ำเหนือหลากจากจังหวัดสระบุรี นครนายก และ ลพบุรี เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดฉะเชิงเทรา และช่วยเหลือน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้คณะรัฐมนตรีมีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการลงพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ ที่ประสบอุทกภัย และจะมีการลงพื้นที่คู่ขนานในจังหวัดที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยจะใช้เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เป็นศูนย์กลางติดตามข้อมูลและประชุมระบบร่วมกับรัฐมนตรี และผู้ว่าราชการในกลุ่มจังหวัด ในการติดตามและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับอุทกภัย แบบนาทีต่อนาที หรือเรียลไทม์ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาทำได้ทันท่วงที ขณะเดียวกัน จะได้ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุน้ำท่วม เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์
นางสุกุมล กล่าวอีกว่า การเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัยปี 2555 ได้เร่งรัดให้ขุดลอกคูคลอง และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ อย่างเช่น ผักตบชวา เศษขยะ ให้แล้วเสร็จก่อนฤดูน้ำหลาก เพื่อให้การระบายน้ำที่ผันสู่แม่น้ำบางปะกง ลงทะเลอ่าวไทยได้ดีขึ้น รวมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำถาวรในโครงการพระองค์เจ้าไชยานุชิต จำนวน 88 เครื่อง ก่อนเดือนสิงหาคมซึ่งจะระบายน้ำได้จำนวน 294 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งมากกว่าปริมาณน้ำในปี 54 ที่มีปริมาณน้ำ จำนวน 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อีกทั้งยังขอให้จังหวัดฉะเชิงเทรา มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับจังหวัดใกล้เคียงเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ เพื่อเผยแพร่แก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง สำหรับในส่วนของโครงการชลหารพิจิตร มีความสามารถในการระบายน้ำในฤดูน้ำหลากได้ถึง 385 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งช่วยป้องกันมิให้น้ำเข้าท่วมสนามบินสุวรรณภูมิ นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ทั้งนี้ จากการดำเนินงานของตามแผนบริหารและจัดกการน้ำของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และความตั้งใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ มั่นใจว่าจะสามารถรับสถานการณ์อุทกภัยและไม่น่าเป็นห่วง
“แม้ว่าพื้นที่ฉะเชิงเทรา จะสูงกว่าสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ได้ติดตั้งเครื่องสฺบน้ำ และแก้มลิง จึงมั่นใจว่า ปีนี้ไม่น่าเป็นห่วง” นางสุกุมล กล่าวและว่า หลังจากนี้ จะรวบรวมผลการดำเนินงานและสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด และเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อร่วมกันวางแผนและแก้ไขปัญหาต่อไป