คึกคักชาวไทย-เทศ แห่ชมพระเมรุ สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ เปิดให้ชม 9 โมงเช้าถึงหนึ่งทุ่ม ด้าน สำนักนายกรัฐมนตรี กรมศิลปากร ขอความร่วมมือประชาชนแต่กายสุภาพ งดนุ่งกางเกงขาสั้น สายเดี่ยว สีใดก็ได้
วันนี้ (11 เม.ย.) ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรมศิลปากร ร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดพื้นที่พระเมรุ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ให้ประชาชนได้ชมในวันแรก โดย ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร เดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่ ซึ่งช่วงเช้านี้ มีพระภิกษุ สามเณร แม่ชี รวมทั้งประชาชนชาวไทยและต่างชาติ เดินทางมาชมพระเมรุเป็นจำนวนมาก พบว่า บางคนเดินทางมารอตั้งแต่เวลา 05.00 น.บริเวณประตูทางเข้า แต่เปิดเข้าชมเวลา 09.00 น.ศ.พิเศษ ธงทอง กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดพื้นพระเมรุในพื้นที่ท้องสนามหลวง ให้ประชาชนได้เข้ามาชื่นชมความงดงามของสถาปัตยกรรม และการประดับประดาตกแต่งพระเมรุ โดยเปิดวันนี้จนถึงวันที่ 17 เม.ย.เปิดตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น.ทางถนนกลางสนามหลวงด้านเดียวเท่านั้น หากประชาชนมาภายหลังเวลา 19.00 น.สามารถชมบริเวณด้านนอกได้ เพราะจะเปิดไฟส่องสว่างจนถึง 22.00 น.เพื่อให้ประชาชนได้ถ่ายภาพพระเมรุในยามราตรีได้
ศ.พิเศษ ธงทอง กล่าวว่า กรมศิลปากร ได้จัดวิทยากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับพระเมรุ ให้ประชาชนที่เข้าชม วันละ 4 รอบ ได้แก่ 10.00 น. 14.00 น 16.00 น. และ 18.00 น.โดยให้ประชาชนลงทะเบียนด้านหน้าทางเข้า เพื่อรับแผ่นพับพระราชประวัติ พระกรณียกิจ รวมทั้งแผ่นพับความรู้เกี่ยวกับสัตว์หิมพานต์ประดับพระเมรุทั้งหมด สำหรับประชาชนที่ไม่ฟังการบรรยาย ก็สามารถเดินชมและถ่ายรูปได้ตลอดเวลา ซึ่งประชาชนสามารถชมสถาปัตยกรรมไทย และภูมิทัศน์โดยรอบได้ ยกเว้นบนอาคารพระเมรุ พระที่นั่งทรงธรรม และพลับพลายกกลางสนาม รวมทั้งขอให้ประชาชนที่เดินทางมาชมพระเมรุแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ใส่สีใดก็ได้ และงดสวมใส่ชุดที่ไม่เหมาะสม เช่น เสื้อสายเดี่ยว กางเกงขาสั้น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดเตรียมห้องน้ำ และหน่วยแพทย์มาให้บริการแก่ประชาชนที่เข้าชมด้วย ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะมาดูแลการทำความสะอาดพื้นที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มาดูแลความปลอดภัยโดยรอบ ซึ่งเป็นการร่วมใจของทุกหน่วยงานในการอำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชน
ศ.พิเศษ ธงทอง กล่าวว่า ตามธรรมเนียมประเพณี ภายหลังจากการที่ จัดพระราชพิธีเสร็จแล้ว จะมีการรื้อถอนพระเมรุ ในส่วนงานตกแต่ง ทั้งงานประณีตศิลป์ต่างๆ อาทิ ฉากบังเพลิง เทวดา สัตว์หิมพานต์ บางส่วนจะนำไปเก็บในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กระถางที่มีพระนามาภิไธยย่อ พร จะนำไปไว้ยังพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จ.เพชรบุรี พระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม และวังรื่นฤดี กรุงเทพฯ สำหรับโครงสร้างพระเมรุ เป็นโครงสร้างชั่วคราว เป็นเหล็กไม้อัด ก็จะมีการจำหน่ายออกไป ส่วนไม้ดอกไม้ประดับเป็นของสวนนงนุชนำมาประดับตกแต่ง
ด้านนางวันเพ็ญ มั่งมี อายุ 62 ปี ชาวกรุงเทพฯ ที่ได้เข้าชมพระเมรุเป็นคนแรก กล่าวว่า ตนเดินทางมาตั้งแต่เช้าตรู่ตั้งแต่เวลา 05.30 น.เพื่อมาใส่บาตรที่หน้าวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เพื่ออุทิศกุศลถวายสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ จากนั้นได้มารอเข้าชมพระเมรุ เพราะตั้งใจว่า จะต้องเข้าคนแรกให้ได้ และก็ทำสำเร็จ รู้สึกปลาบปลื้มมาก ที่อยากอีกมาชมครั้งนี้ เนื่องจากเคยได้ชมพระเมรุสมัยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี สมเด็จย่า สมเด็จพระพี่นางฯ เพราะเท่าที่เคยชมมาสถาปัตยกรรม มีความงดงามแตกต่างกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเก็บความประทับใจไว้เล่าให้ลูกหลานได้ฟัง เพื่อให้ซึมซับถึงความเคารพในพระมหากษัตริย์ พระราชินี และ พระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งทุกพระองค์ได้สร้างประโยชน์และคุณูปการให้แก่ประเทศชาติมากมาย
นางสนิท จิตรวรนันท์ อายุ 63 ปี กล่าวว่า เจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ เป็นแบบอย่างหญิงไทยที่น่านับถือ มีความเมตตา โอบอ้อมอารี ดูแลทุกข์สุขชาวไทย ทหาร รักประเทศชาติ เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ตนเดินทางมาวางดอกไม้จันทน์ เพื่อส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย แต่วันนี้อยากมาชมความงดงามของพระเมรุในระยะใกล้ๆ เพื่อเก็บความประทับใจไว้ในความทรงจำ เพราะหาดูได้ยาก
อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันมีประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พระสงฆ์ ได้ทยอยเดินทางเข้าชมและถ่ายรูปพระเมรุ เป็นที่ระลึกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเย็นมีประชาชนเดินทางเข้าชมเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเช้า เนื่องจากเป็นช่วงเลิกงานและอากาศไม่ร้อนเหมือนกับช่วงเที่ยงขณะที่บรรยากาศที่โรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ซึ่งกรมศิลปากร เปิดให้ประชาชนเข้าชมราชรถ ราชยานและเครื่องประกอบพิธีที่ใช้ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ ตลอดทั้งวันก็มีประชาชนเดินทางมาชมพระมหาพิชัยราชรถ ราชรถน้อย และราชยานตลอดทั้งวันเช่นเดียวกัน
นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า จำนวนประชาชนที่เดินทางเข้ามาชมพระเมรุในวันแรกอย่างไม่เป็นทางการ โดยยอดที่มาลงทะเบียน แบ่งเป็นประชาชน พระสงฆ์ ประมาณ 4, 600 คน และชาวต่างชาติ 66 คน