“สุชาติ” สั่งสอบหาต้นตอ เชื่อมีสปายอยู่เบื้องหลัง อ้างชื่อเด็กคัดค้าน 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่น 3
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่ตัวแทนนักเรียนทุนในโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 1 และ 2 ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง รมว.ศึกษาธิการ เพื่อเรียกร้องให้ทบทวนหลักเกณฑ์การสมัครเพิ่มเติมทุนโครงการดังกล่าว รุ่นที่ 3 เพราะไม่เห็นด้วยกับการที่ ศธ.เตรียมจะประกาศรับสมัครเพิ่มเติม ในอีก 600 กว่าอำเภอ ที่ยังมีผู้ผ่านการคัดเลือก โดยเกณฑ์สำคัญที่จะเปลี่ยน คือ ผู้สมัครทุนนี้ไม่จำเป็นต้องยื่นหลักฐานรับรองรายได้ครอบครัว และไม่จำกัดสิทธิเฉพาะเด็กยากจน และเพิ่มเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำจากเดิมร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 80 เท่ากับเปิดช่องให้ผู้ที่ไม่ได้มีฐานะยากจริง สมัครทุนได้ ว่า ตนยังไม่ได้รับจดหมายดังกล่าว แต่จะตรวจสอบไปยังรายชื่อนักศึกษาที่ปรากฏว่าได้ร่วมลงชื่อจริงหรือไม่ เพราะบางคนก็อยู่ต่างประเทศ ขณะที่หลักเกณฑ์ต่างๆ ที่จะปรับก็ยังไม่เรียบร้อย อีกทั้งตนยังไม่ได้ประกาศรับสมัครอะไรเลย ดังนั้น จึงคิดว่ารายชื่อปรากฏอยู่แนบท้ายเจ้าตัวอาจไม่รู้เรื่อง และอาจถูกแอบอ้างชื่อมาร้องเรียน ซึ่งถือเป็นเช่นนั้นจะถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย
“ผมคิดว่า ไม่น่าจะใช้ตัวเด็กที่ร้องเรียนเอง น่าจะมีสปายอยู่เบื้องหลัง และเป็นคนที่ทำงานในแวดวงนี้ และนำชื่อเด็กมาแอบอ้างโดยที่เด็กอาจไม่รู้ตัว ผมจึงต้องตรวจสอบให้ละเอียดก่อน ว่า เป็นเด็กที่ร้องจริง หรือไม่ เพราะบางคนก็อยู่ต่างประเทศ ไม่น่าจะรู้เรื่องนี้เร็ว ผมไม่อยากให้คนที่ไม่มีสัมมาอาชีวะ ขาดคุณธรรม มัวเมาในอบายมุข เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่ตัวแทนนักเรียนทุนในโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 1 และ 2 ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง รมว.ศึกษาธิการ เพื่อเรียกร้องให้ทบทวนหลักเกณฑ์การสมัครเพิ่มเติมทุนโครงการดังกล่าว รุ่นที่ 3 เพราะไม่เห็นด้วยกับการที่ ศธ.เตรียมจะประกาศรับสมัครเพิ่มเติม ในอีก 600 กว่าอำเภอ ที่ยังมีผู้ผ่านการคัดเลือก โดยเกณฑ์สำคัญที่จะเปลี่ยน คือ ผู้สมัครทุนนี้ไม่จำเป็นต้องยื่นหลักฐานรับรองรายได้ครอบครัว และไม่จำกัดสิทธิเฉพาะเด็กยากจน และเพิ่มเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำจากเดิมร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 80 เท่ากับเปิดช่องให้ผู้ที่ไม่ได้มีฐานะยากจริง สมัครทุนได้ ว่า ตนยังไม่ได้รับจดหมายดังกล่าว แต่จะตรวจสอบไปยังรายชื่อนักศึกษาที่ปรากฏว่าได้ร่วมลงชื่อจริงหรือไม่ เพราะบางคนก็อยู่ต่างประเทศ ขณะที่หลักเกณฑ์ต่างๆ ที่จะปรับก็ยังไม่เรียบร้อย อีกทั้งตนยังไม่ได้ประกาศรับสมัครอะไรเลย ดังนั้น จึงคิดว่ารายชื่อปรากฏอยู่แนบท้ายเจ้าตัวอาจไม่รู้เรื่อง และอาจถูกแอบอ้างชื่อมาร้องเรียน ซึ่งถือเป็นเช่นนั้นจะถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย
“ผมคิดว่า ไม่น่าจะใช้ตัวเด็กที่ร้องเรียนเอง น่าจะมีสปายอยู่เบื้องหลัง และเป็นคนที่ทำงานในแวดวงนี้ และนำชื่อเด็กมาแอบอ้างโดยที่เด็กอาจไม่รู้ตัว ผมจึงต้องตรวจสอบให้ละเอียดก่อน ว่า เป็นเด็กที่ร้องจริง หรือไม่ เพราะบางคนก็อยู่ต่างประเทศ ไม่น่าจะรู้เรื่องนี้เร็ว ผมไม่อยากให้คนที่ไม่มีสัมมาอาชีวะ ขาดคุณธรรม มัวเมาในอบายมุข เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว