เจ้าหญิงเสด็จยกฉัตร 7 ชั้นเจ้าฟ้าเพชรัตนฯเครื่องยอดพระเมรุเสร็จสมบูรณ์ กรมศิลปากร ส่งมอบ “พระโกศอัฐิทองคำลงยา” สำนักพระราชวัง 5 เม.ย.พาทูตานุทูต ชมพระเมรุ ราชรถ พระยานมาศ
วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ไปทรงยกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยมี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี รองประธานอำนวยการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ประธานจัดสร้างพระเมรุ พร้อมข้าราชการทุกหมู่เหล่า และคณะกรรมการ เฝ้ารับเสด็จหน้าพระที่นั่งทรงธรรม โดย นายยงยุทธ กราบทูลรายงาน และเบิกกรรมการจัดสร้างพระเมรุ มี นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุ พลอากาศตรี อาวุธ เงินชูกลิ่น ผู้ออกแบบพระเมรุ และสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุ นายสุทิน เจริญสวัสดิ์ วิศวกรผู้ออกแบบโครงสร้างพระเมรุ นายกัมพล ตันสัจจา ผู้รับผิดชอบในการจัดสวนตกแต่งไม้ดอกไม้ประดับบริเวณปริมณฑล
เมื่อเวลาประมาณ 17.15 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ เสด็จไปยังที่ประดิษฐานสัปตปฎลเศวตฉัตร ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมสัปตปฎลเศวตฉัตร โหรหลวงลั่นฆ้องชัย ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร และ ดุริยางค์ อธิบดีกรมศิลปากรถวายสายสูตรยกสัปตปฎลเศวตฉัตร ขึ้นสู่ยอดพระเมรุ พระราชทานสายสูตรให้อธิบดีกรมศิลปากรรับไปผูกไว้ที่เสาบัว เมื่อสัปตปฎลเศวตฉัตร ขึ้นสู่ยอดพระเมรุเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯเสด็จกลับ
นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า พิธียกสัปตปฎลเศวตฉัตรซึ่งในความหมายของฉัตรเป็นเครื่องสูง ประกอบพระอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ หรือเจ้าฟ้า ที่แต่ละพระองค์มีฉัตรเป็นเครื่องพระอิสริยยศ ซึ่งการสร้างพระเมรุสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ เลื่อนพระอิสริยยศฉัตรชั้นเจ้าฟ้าสูงสุด เป็นสัปตปฎลเศวตฉัตร หรือฉัตร 7 ชั้น ดังนั้น ในการสร้างพระเมรุจะสมบูรณ์ได้ต้องมีฉัตรเป็นเครื่องยอดสูงสุด
สำหรับพรุ่งนี้ (4 เม.ย.) ผู้รับจ้างจะรื้อนั่งร้านพระเมรุออกทั้งหมด จะทำให้พระเมรุมีความสวยงาม โดยให้สื่อมวลชนจะเข้าถ่ายภาพ วันที่ 4-5 เม.ย.แต่ขอให้ประสานไปยังฝ่ายเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร โทร.02 224 2050 ทางเจ้าหน้าที่จะได้อำนวยความสะดวกในบริเวณพื้นที่พระเมรุ นอกจากนี้ ในวันที่ 5 เม.ย.กรมศิลปากรจะมีการส่งมอบพระโกศอัฐิทองคำลงยาให้กับสำนักพระราชวังด้วย
พร้อมกันนี้ ในวันที่ 5 เม.ย.จะพาคณะทูตานุทูต ประจำประเทศไทย และสื่อมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าชมราชรถ พระยานมาศ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จากนั้นนำชมพระเมรุ ท้องสนามหลวง เพื่อเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับแบบแผนราชประเพณีที่สืบเนื่องมาแต่โบราณ
วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ไปทรงยกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยมี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี รองประธานอำนวยการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ประธานจัดสร้างพระเมรุ พร้อมข้าราชการทุกหมู่เหล่า และคณะกรรมการ เฝ้ารับเสด็จหน้าพระที่นั่งทรงธรรม โดย นายยงยุทธ กราบทูลรายงาน และเบิกกรรมการจัดสร้างพระเมรุ มี นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุ พลอากาศตรี อาวุธ เงินชูกลิ่น ผู้ออกแบบพระเมรุ และสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุ นายสุทิน เจริญสวัสดิ์ วิศวกรผู้ออกแบบโครงสร้างพระเมรุ นายกัมพล ตันสัจจา ผู้รับผิดชอบในการจัดสวนตกแต่งไม้ดอกไม้ประดับบริเวณปริมณฑล
เมื่อเวลาประมาณ 17.15 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ เสด็จไปยังที่ประดิษฐานสัปตปฎลเศวตฉัตร ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมสัปตปฎลเศวตฉัตร โหรหลวงลั่นฆ้องชัย ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร และ ดุริยางค์ อธิบดีกรมศิลปากรถวายสายสูตรยกสัปตปฎลเศวตฉัตร ขึ้นสู่ยอดพระเมรุ พระราชทานสายสูตรให้อธิบดีกรมศิลปากรรับไปผูกไว้ที่เสาบัว เมื่อสัปตปฎลเศวตฉัตร ขึ้นสู่ยอดพระเมรุเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯเสด็จกลับ
นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า พิธียกสัปตปฎลเศวตฉัตรซึ่งในความหมายของฉัตรเป็นเครื่องสูง ประกอบพระอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ หรือเจ้าฟ้า ที่แต่ละพระองค์มีฉัตรเป็นเครื่องพระอิสริยยศ ซึ่งการสร้างพระเมรุสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ เลื่อนพระอิสริยยศฉัตรชั้นเจ้าฟ้าสูงสุด เป็นสัปตปฎลเศวตฉัตร หรือฉัตร 7 ชั้น ดังนั้น ในการสร้างพระเมรุจะสมบูรณ์ได้ต้องมีฉัตรเป็นเครื่องยอดสูงสุด
สำหรับพรุ่งนี้ (4 เม.ย.) ผู้รับจ้างจะรื้อนั่งร้านพระเมรุออกทั้งหมด จะทำให้พระเมรุมีความสวยงาม โดยให้สื่อมวลชนจะเข้าถ่ายภาพ วันที่ 4-5 เม.ย.แต่ขอให้ประสานไปยังฝ่ายเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร โทร.02 224 2050 ทางเจ้าหน้าที่จะได้อำนวยความสะดวกในบริเวณพื้นที่พระเมรุ นอกจากนี้ ในวันที่ 5 เม.ย.กรมศิลปากรจะมีการส่งมอบพระโกศอัฐิทองคำลงยาให้กับสำนักพระราชวังด้วย
พร้อมกันนี้ ในวันที่ 5 เม.ย.จะพาคณะทูตานุทูต ประจำประเทศไทย และสื่อมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าชมราชรถ พระยานมาศ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จากนั้นนำชมพระเมรุ ท้องสนามหลวง เพื่อเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับแบบแผนราชประเพณีที่สืบเนื่องมาแต่โบราณ