โดย...คุณวัตร ไพรภัทรกุล
โรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม (Computer Syndrome) บางคนอาจคุ้นชื่อ แต่บางคนไม่เคยได้ยิน ทั้งที่คนส่วนมาก โดยเฉพาะคนเมืองนั้น ต้องเกี่ยวข้อง สัมพันธ์ และเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้มากขึ้นทุกทีนั่นเป็นเพราะเราต้องใช้เทคโนโลยีอย่างคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และการรับสื่อต่างๆ เพื่อการสื่อสารมากขึ้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมเหล่านั้น โดยเฉพาะเมื่อใช้เป็นเวลานาน ผลเสียจึงเกิดทั้งทางร่างกาย ที่มีผลต่อกล้ามเนื้อ และดวงตา หรืออาจจะเรียกว่า “คอมพิวเตอร์ วิชันซินโดรม” อีกทั้งยังส่งผลต่อถึงปัญหาทางจิตใจที่ก่อให้เกิดโรคเครียดและปัญหาทางอารมณ์ได้
นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กล่าวว่า การใช้คอมพิวเตอร์หรือแม้แต่การเล่นไอแพด บีบี ที่ต้องใช้สายตานานๆ ทำให้ตาแห้ง ตาล้า แสบตาได้ ยิ่งถ้าเราอยู่ในห้องแอร์ ก็ยิ่งทำให้ตาเราแห้งมากขึ้น ประกอบกับการขาดน้ำ เพราะเมื่อเราเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะชินกับการนั่งอยู่กับที่ แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือส่วนมากจะมีการกินขนม น้ำหวาน น้ำอัดลม ซึ่งเมื่อทำเป็นพฤติกรรมต่อเนื่องแล้วก็จะก่อให้เกิดโรคตามมาได้ เช่น เบาหวาน ความดัน โรคอ้วน เป็นต้น
“ผลที่เกิดขึ้นเมื่อเราใช้สายตานานๆ คือ ตาเราจะคล้ำ เหมือนคนอดนอน จะเหี่ยว เพราะใช้สายตามากเกินไปและอาจจะขยี้ตาเนื่องจากแสบตา อีกทั้งจะต้องเจออาการปวดหลัง คอ และไหล่ตามมาด้วย ซึ่งคนส่วนมากก็จะหาทางออกด้วยการเสียเงินซื้อครีมบำรุงผิวใต้ตา ซื้ออาหารเสริมสุขภาพ ซื้ออุปกรณ์เสริม เช่น เก้าอี้ทำงาน สิ่งเหล่านี้นอกจากจะทำให้ต้องเสียเงินแล้ว ยังอาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อผู้ใช้อีกด้วย เพราะอาจจะทำให้เรานั่งนานขึ้น ใช้สายตามากขึ้น ก่อให้เกิดโทษมากขึ้นไปอีก” นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าว
นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวถึงวิธีแก้ว่า ควรใช้สายตาประมาณ 25-30 นาที แล้วพักประมาณ 1-5 นาที หรืออาจจะใช้น้ำตาเทียมช่วย ควรดื่มน้ำ 8-10 แก้ว หลับพักผ่อนไม่น้อนกว่า 7 ชม.ต่อวัน และถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์หรือเล่นเกม ส่วนสภาพแวดล้อมก็ต้องจัดให้เหมาะสม เช่น วางคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากตาประมาณ 20-26 นิ้ว วางคีย์บอร์ดและเมาส์ให้อยู่ต่ำกว่าศอก แสงไฟไม่ควรส่องจากด้านหลัง และที่สำคัญไม่ควรส่องเข้าหาจอคอมพิวเตอร์ การปรับคอมพิวเตอร์ควรปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้มีความสว่างเท่ากับความสว่างของห้อง ปรับความถี่ของคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับ 70-80 เฮิรตซ์ หรือปรับให้สูงสุดเท่าที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ยังรู้สึกสบายตา การใช้ตัวหนังสือควรใช้ตัวหนังสือสีดำบนพื้นสีขาว ใช้แผ่นกรองแสง และดูแลหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ให้มีฝุ่นเกาะติด เพื่อทำให้การมองเห็นชัดเจน
“ถ้าอยู่ที่ออฟฟิศ เมื่อเราใช้สายตาหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ช่วงพักเที่ยง อาจจะหลับตาแล้วใช้ผ้าเย็นมาวางบริเวณหน้าผากและบนตา ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อตาผ่อนคลายได้ ลดความตึงเครียด หรืออาจจะไปนอนพัก ซึ่งบางที่ทำงานได้มีการจัดสถานที่ให้พนักงานนอนพักช่วงกลางวันด้วย” นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ ผลเสียที่เกิดจากทางร่างกายแล้ว ยังมีเรื่องของจิตใจ ที่จะทำให้ผู้ใช้สายตาเกิดความเครียด โดยเฉพาะเด็กหากเล่นเกมมากเกินไปอาจจะมีปัญหาเรื่องอารมณ์ ก้าวร้าว หุนหันพลันแล่น ขาดความยับยั้งชั่งใจ ดังนั้น พ่อแม่จึงต้องสร้างกติกา และวินัยให้กับลูก ว่าควรเล่นในช่วงเวลาไหนจึงจะเหมาะสม
“ส่วนมากผู้ที่มีเป็นคอมพิวเตอร์ วิชันซินโดรม เพราะมีความจำเป็นที่ต้องทำงานในชีวิตประจำวัน จึงอยากแนะนำว่าถ้านอกเหนือจากเวลางานแล้ว อยากให้คำนึงถึงการพักผ่อนด้วย เพราะบางคนพักผ่อนด้วยการเล่นเกม เล่นมือถือ หรือดูหนังเป็นเวลานานๆ ก็เหมือนเป็นการพักผ่อนที่ทำลายสุขภาพอีกทางหนึ่ง เพราะถึงแม้ว่าโรคนี้จะไม่ได้ร้ายแรง แต่หากทำจนเป็นพฤติกรรมต่อเนื่องแล้ว ก็ส่งผลให้เป็นโรคร้ายแรงอื่นๆ ตามมาได้ เพราะถึงอย่างไร เรื่องตาก็เป็นสิ่งที่เราควรถนอมไว้ เพราะต้องใช้ตลอดชีวิต ควรถนอมให้ยืนยาวเท่ากับอายุของชีวิตด้วย” นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวทิ้งท้าย