ร้านค้าโวยกฎหมายคุมเหล้าสองมาตรฐาน สั่งห้ามขายวันมาฆบูชา แต่โรงแรมกลับปล่อยให้ขายได้ ด้าน สคล.ชี้ ต้องแก้ประกาศสำนักนายกฯ เชื่อ ไม่กระทบท่องเที่ยว ย้ำ วันที่ 6 มี.ค.หลังเที่ยงคืน ผู้ประกอบการทั่วประเทศงดขายน้ำเมา
วันนี้ (5 มี.ค.) นางน้ำทิพย์ แป้นประเสริฐ์ ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในพื้นที่เขตบางกอกน้อย กทม.เปิดเผยว่า ปกติวันพระใหญ่กฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มีกฎหมายลูกห้ามร้านค้า ผับบาร์ ร้านอาหารทั่วประเทศงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่กลับมีข้อยกเว้นให้โรงแรมสามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ได้ สะท้อนว่า ร้านค้าทุกแห่งทั่วประเทศต้องยอมทำตามกฎหมาย และไม่มีรายได้ในวันพระใหญ่ แต่โรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจขนาดใหญ่มีกำไรมากมายอยู่แล้ว กฎหมายกลับยกเว้นให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในวันที่ร้านย่อยถูกห้ามขาย และการอธิบายว่าห้ามแล้วจะกระทบการท่องเที่ยว เป็นเรื่องนั่งเทียนคิดเอาเองทั้งสิ้น เมืองไทยจุดขายไม่ได้อยู่ที่เหล้าเบียร์
“จากการสอบถามผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะยกเว้นให้โรงแรม จึงอยากเรียกร้องผ่านผู้มีอำนาจให้ช่วยพิจารณาในเรื่องดังกล่าวด้วย ไม่ควรเลือกปฏิบัติ เอื้อประโยชน์กับโรงแรมมากจนเกินไป เพราะจะทำให้กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อกฎหมายฉบับนี้มีการบังคับใช้แล้ว ก็ไม่ควรเป็นสองมาตรฐาน ตามนโยบายรัฐบาลนี้ ควรทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันจะมายกเว้นสถานที่ใดที่หนึ่งไม่ได้” นางน้ำทิพย์ กล่าว
นางมัลลิกา คำภา ผู้ประกอบการร้านค้าเขตธนบุรี กทม.กล่าวว่า ตั้งแต่กฎหมายห้ามขายเหล้าในวันพระใหญ่บังคับใช้ ตนก็ทำตามมาโดยตลอด แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมผู้มีอำนาจถึงเลือกปฏิบัติ เพ่งเล็งเฉพาะร้านค้า แต่ปล่อยให้โรงแรมขายได้ จึงอยากเรียกร้องให้กฎหมายฉบับนี้เป็นเหมือนกฎหมายฉบับอื่นๆ ที่ปฏิบัติเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน
ด้าน ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่ร้านค้าต่างๆ ออกมาเรียกร้อง เพราะเกิดความไม่พอใจในข้อกฎหมาย จึงต้องการให้ทบทวนเพื่อให้เกิดการปฏิบัติที่เท่าเทียม โดยช่วงที่มีการเสนอกฎหมายลูก ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ไม่มีข้อยกเว้น แต่ผู้มีอำนาจควบคุมนโยบาย ได้แก้ไขและยกเว้นการห้ามขายในโรงแรม โดยอ้างว่าจะกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งภาคประชาชนไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจและเห็นด้วยกับผู้ประกอบการว่าควรแก้ประกาศสำนักนายกฯฉบับดังกล่าว ไม่ให้มีข้อยกเว้น ซึ่งผู้คุมนโยบายต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เอื้อประโยชน์กับคนที่รวยอยู่แล้ว และเชื่อว่า นโยบายนี้ไม่กระทบกับโรงแรม และการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน เพราะมีงานวิจัยแล้วว่านักท่องเที่ยวเข้าใจได้ ว่าเป็นหลักการตามศาสนา
ภก.สงกรานต์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ร้านค้ารายใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และทางเครือข่ายฯได้เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจ และตระหนักถึงพิษภัยของแอลกอฮอล์ โดยวันมาฆบูชา (7 มี.ค.) ที่จะมาถึงนี้ กฎหมายจะเริ่มมีการควบคุมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 6 มี.ค.ไปจนถึงเวลา 24.00 น.ของวัน 7 มี.ค.หากตรวจสอบพบร้านค้าที่ฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดี โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วันนี้ (5 มี.ค.) นางน้ำทิพย์ แป้นประเสริฐ์ ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในพื้นที่เขตบางกอกน้อย กทม.เปิดเผยว่า ปกติวันพระใหญ่กฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มีกฎหมายลูกห้ามร้านค้า ผับบาร์ ร้านอาหารทั่วประเทศงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่กลับมีข้อยกเว้นให้โรงแรมสามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ได้ สะท้อนว่า ร้านค้าทุกแห่งทั่วประเทศต้องยอมทำตามกฎหมาย และไม่มีรายได้ในวันพระใหญ่ แต่โรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจขนาดใหญ่มีกำไรมากมายอยู่แล้ว กฎหมายกลับยกเว้นให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในวันที่ร้านย่อยถูกห้ามขาย และการอธิบายว่าห้ามแล้วจะกระทบการท่องเที่ยว เป็นเรื่องนั่งเทียนคิดเอาเองทั้งสิ้น เมืองไทยจุดขายไม่ได้อยู่ที่เหล้าเบียร์
“จากการสอบถามผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะยกเว้นให้โรงแรม จึงอยากเรียกร้องผ่านผู้มีอำนาจให้ช่วยพิจารณาในเรื่องดังกล่าวด้วย ไม่ควรเลือกปฏิบัติ เอื้อประโยชน์กับโรงแรมมากจนเกินไป เพราะจะทำให้กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อกฎหมายฉบับนี้มีการบังคับใช้แล้ว ก็ไม่ควรเป็นสองมาตรฐาน ตามนโยบายรัฐบาลนี้ ควรทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันจะมายกเว้นสถานที่ใดที่หนึ่งไม่ได้” นางน้ำทิพย์ กล่าว
นางมัลลิกา คำภา ผู้ประกอบการร้านค้าเขตธนบุรี กทม.กล่าวว่า ตั้งแต่กฎหมายห้ามขายเหล้าในวันพระใหญ่บังคับใช้ ตนก็ทำตามมาโดยตลอด แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมผู้มีอำนาจถึงเลือกปฏิบัติ เพ่งเล็งเฉพาะร้านค้า แต่ปล่อยให้โรงแรมขายได้ จึงอยากเรียกร้องให้กฎหมายฉบับนี้เป็นเหมือนกฎหมายฉบับอื่นๆ ที่ปฏิบัติเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน
ด้าน ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่ร้านค้าต่างๆ ออกมาเรียกร้อง เพราะเกิดความไม่พอใจในข้อกฎหมาย จึงต้องการให้ทบทวนเพื่อให้เกิดการปฏิบัติที่เท่าเทียม โดยช่วงที่มีการเสนอกฎหมายลูก ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ไม่มีข้อยกเว้น แต่ผู้มีอำนาจควบคุมนโยบาย ได้แก้ไขและยกเว้นการห้ามขายในโรงแรม โดยอ้างว่าจะกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งภาคประชาชนไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจและเห็นด้วยกับผู้ประกอบการว่าควรแก้ประกาศสำนักนายกฯฉบับดังกล่าว ไม่ให้มีข้อยกเว้น ซึ่งผู้คุมนโยบายต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เอื้อประโยชน์กับคนที่รวยอยู่แล้ว และเชื่อว่า นโยบายนี้ไม่กระทบกับโรงแรม และการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน เพราะมีงานวิจัยแล้วว่านักท่องเที่ยวเข้าใจได้ ว่าเป็นหลักการตามศาสนา
ภก.สงกรานต์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ร้านค้ารายใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และทางเครือข่ายฯได้เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจ และตระหนักถึงพิษภัยของแอลกอฮอล์ โดยวันมาฆบูชา (7 มี.ค.) ที่จะมาถึงนี้ กฎหมายจะเริ่มมีการควบคุมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 6 มี.ค.ไปจนถึงเวลา 24.00 น.ของวัน 7 มี.ค.หากตรวจสอบพบร้านค้าที่ฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดี โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
