“รมช.ศธ.” นำสุนัขตำรวจตรวจค้นหายาเสพติดในโรงเรียนสตรีวิทยา พร้อมตรวจปัสสาวะนักเรียนแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ เตือนก่อนทำผิดให้นึกถึงครูของแผ่นดิน ขณะที่สำนักงานปลัด ศธ.สรุปพบนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษากว่า 3 หมื่นคนข้องเกี่ยวยาเสพติด
วันนี้ (2 มี.ค.) เวลา 08.30 น.ที่โรงเรียนสตรีวิทยา ถ.ราชดำเนิน นายศักดา คงเพชร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังนำคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษา และผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดทุกองค์กร เข้าสุ่มตรวจค้นหายาเสพติดโดยสุนัขตำรวจ และการตรวจปัสวะนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา พร้อมมอบป้าย “โรงเรียนสีขาว” ให้กับโรงเรียนสตรีวิทยา เนื่องจากปลอดยาเสพติดในโรงเรียนว่า วันนี้สังคมโลกเปลี่ยนไปเยอะมาก สิ่งดีๆ ก็เยอะ และสิ่งที่ทำให้ภาพรวมของการศึกษาและสังคมเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีนั้นก็มี ดังนั้นจึงขอฝากให้นักเรียนทุกคนไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดและแอลกอฮอล์ ซึ่งที่ผ่านมาทุกรัฐบาลมีแนวนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพราะนักเรียนเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติที่จะก้าวไปสู่สังคมโลก แต่ในวันนี้ประเทศไทยโดยเฉพาะในระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา ปัญหาของสังคมที่เกิดจากสารเสพติดนั้นได้มีการแพร่ระบาดมากขึ้น จึงไม่อยากเห็นเหตุการณ์ที่มีนักเรียน นิสิต นักศึกษา และคนไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันหาทางป้องกันแก้ไข
“อยากเตือนสตินักเรียนทุกคนให้เป็นคนดี ก่อนตัดสินใจทำอะไรขอให้คิดถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นครูแห่งแผ่นดิน เนื่องจากพระองค์ทรงห่วงใยและทรงตรัสไว้หลายเรื่องเพื่อไม่ให้เยาวชนคนไทยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นอกจากนี้ ยังมีครูชีวิต คือพ่อ-แม่ที่ให้ชีวิตเรามา และครูที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้กับเรา ฉะนั้น การจะทำอะไรที่ล่อแหลมก็ควรคิดถึงครูทั้งสามนี้ก่อน เพื่อให้ก้าวไปเป็นคนดีของสังคมในอนาคต” นายศักดากล่าว
รมช.ศึกษาฯ กล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในส่วนของรัฐบาลจะต้องไปเจรจากับประเทศเพื่อบ้านเพื่อหาทางสกัดสารตั้งต้นไม่ให้เข้ามาผลิตในประเทศไทย วันนี้มาตรการเดิมใช้ไม่ได้อีกแล้วเพราะยาเสพติดได้แพร่ขยายลงลึกไปในองค์กรต่าง ๆมากกว่าเดิม เราจึงต้องมีมาตรการเพิ่มเติม สำหรับในส่วนของ ศธ.นั้นก็จะต้องเร่งหามาตรการมาป้องกันแก้ไข เพราะหากยังปล่อยปะละเลยอีก เยาวชนที่จะก้าวไปสู่สังคมรุ่นต่อไปคุณภาพจะน้อยลง ในขณะที่การต่อสู้ในองค์รวมของโลกมากขึ้น โดยเฉพาะในปี 2558 ที่ประเทศจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ยิ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะจะมีแรงงานข้ามประเทศทำได้สะดวกยิ่งขึ้นรวมถึงการคมนาคมก็สะดวกขึ้น จะทำให้การตรวจสกัดกั้นยากเสพติดทำได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น เราจึงควรสร้างองค์รวมของประเทศให้เกิดความเข้มแข็ง หากทุกองค์รวมของประเทศมีความเข้มแข็งยาเสพติดก็จะเขามายากขึ้น
“ขณะนี้ข้อมูลที่กระทรวงศึกษาฯได้รับกรณีนักเรียนเกี่ยวข้องกับสารเสพติด ส่วนใหญ่จะเป็นเหล้า และบุหรี่ ซึ่งมีตัวเลขเกือบ 5 หมื่นคน ส่วนตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมีหลักพันคน และในส่วนข้าราชการและบุคลากรศธ.ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ค้า ผู้เสพยาเสพติดมีประมาณ เกือบ 100 คน ก็ได้ขอให้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด และในส่วนของนักเรียนนั้น ก็ให้คัดปลาออกจากน้ำโดยการนำไปบำบัดรักษา ส่วนนักเรียนอาชีวะที่บำบัดแล้วก็ไม่หายอาจจะให้สถานศึกษาหารือกับผู้ปกครองให้พาไปบวชเพื่อให้ธรรมะกล่อมเกล่าจิตใจก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียน เราจะไม่ลงโทษอย่างเดียว เพื่อให้โอกาสเด็กได้กลับมาเป็นคนดีของสังคม เนื่องจากเขายังไม่บรรลุนิติภาวะอาจจะถูกชักชวนเข้าไปในวงจรของยาเสพติดได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ศธ.จะขอข้อมูลผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดไปยัง ปปส. และศธ.จะจัดงบฯเพื่อทำแผนจัดกิจกรรมป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกับสสส.เพื่อให้สถานศึกษาปลอดยาเสพติด 100เปอร์เซนต์” รมช.ศธ.กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษา เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ได้สรุปรายงานสถานภาพการใช้สารเสพติด/ยาเสพติดในสถานศึกษา จาก 59 จังหวัด 64 เขตพื้นที่การศึกษา 5,828 โรง จากนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา จำนวนรวม 2,125,691 คน แบ่งเป็นนักเรียน 2,102,884 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 22,807 คน พบว่าในจำนวนทั้งหมดนี้ เกี่ยวข้องกับสารเสพติด จำนวน 37,662 คน แยกเป็นนักเรียน 37,548 คน ครู 74 คน เช่น เกี่ยวข้องกับเหล้า/เครื่องดืมแอลกอฮอล์ 22,429 คน บุหรี่ 23,595 คน กัญชา 305 คน ยาบ้า 548 คน กระท่อม 119 คน สารระเหย 69 คน ยาไอซ์ 66 คน อื่นๆ 4 คน กลุ่มที่สงสัยว่าค้ายา 69 คน กลุ่มที่กำลังบำบัด 9,355 คน
ด้านนางจำนง แจ่มจันทรวงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวิทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางโรงเรียนสตรีวิทยา ได้ให้การดูแลนักเรียนในรูปแบบต่างๆ เช่น โครงการเยี่ยมบ้านนักเรียน ติดตามพฤติกรรมนักเรียนเป็นรายบุคคล และทุกเดือนจะมีการประเมินพฤติกรรมของนักเรียนทุกคน เพื่อป้องกันปัญหาหลายๆ ด้านรวมถึงสารเสพติด โดยเฉพาะการส่งเสริมให้นักเรียนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการร่วมกิจกรรมต่างๆ ซึ่งส่งผลให้โรงเรียนเป็นสถานศึกษาปลอดสารเสพติด
“ที่ผ่านมาเรายังไม่เคยพบนักเรียนเกี่ยวข้องยาเสพติดเลย จาการตรวจปัสสาวะเทอมละ 1 ครั้ง แต่ในปีนี้สำหรับนักเรียนชั้น ม.1 จะขออนุญาตผู้ปกครองเพื่อให้ทางโรงเรียนตรวจเลือด พิมพ์ลายนิ้วมือ และตรวจปัสสาวะของนักเรียน ทั้งนี้ ก็หวังว่าผู้ปกครองจะเข้าใจความหวังดีของทางโรงเรียนในการดูแลลูกหลานของท่านให้มีระบบที่ดีขึ้นเพื่อป้องกันปัญหายาเสพติด” ผอ.ร.ร.สตรีวิทยากล่าว
วันนี้ (2 มี.ค.) เวลา 08.30 น.ที่โรงเรียนสตรีวิทยา ถ.ราชดำเนิน นายศักดา คงเพชร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังนำคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษา และผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดทุกองค์กร เข้าสุ่มตรวจค้นหายาเสพติดโดยสุนัขตำรวจ และการตรวจปัสวะนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา พร้อมมอบป้าย “โรงเรียนสีขาว” ให้กับโรงเรียนสตรีวิทยา เนื่องจากปลอดยาเสพติดในโรงเรียนว่า วันนี้สังคมโลกเปลี่ยนไปเยอะมาก สิ่งดีๆ ก็เยอะ และสิ่งที่ทำให้ภาพรวมของการศึกษาและสังคมเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีนั้นก็มี ดังนั้นจึงขอฝากให้นักเรียนทุกคนไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดและแอลกอฮอล์ ซึ่งที่ผ่านมาทุกรัฐบาลมีแนวนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพราะนักเรียนเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติที่จะก้าวไปสู่สังคมโลก แต่ในวันนี้ประเทศไทยโดยเฉพาะในระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา ปัญหาของสังคมที่เกิดจากสารเสพติดนั้นได้มีการแพร่ระบาดมากขึ้น จึงไม่อยากเห็นเหตุการณ์ที่มีนักเรียน นิสิต นักศึกษา และคนไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันหาทางป้องกันแก้ไข
“อยากเตือนสตินักเรียนทุกคนให้เป็นคนดี ก่อนตัดสินใจทำอะไรขอให้คิดถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นครูแห่งแผ่นดิน เนื่องจากพระองค์ทรงห่วงใยและทรงตรัสไว้หลายเรื่องเพื่อไม่ให้เยาวชนคนไทยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นอกจากนี้ ยังมีครูชีวิต คือพ่อ-แม่ที่ให้ชีวิตเรามา และครูที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้กับเรา ฉะนั้น การจะทำอะไรที่ล่อแหลมก็ควรคิดถึงครูทั้งสามนี้ก่อน เพื่อให้ก้าวไปเป็นคนดีของสังคมในอนาคต” นายศักดากล่าว
รมช.ศึกษาฯ กล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในส่วนของรัฐบาลจะต้องไปเจรจากับประเทศเพื่อบ้านเพื่อหาทางสกัดสารตั้งต้นไม่ให้เข้ามาผลิตในประเทศไทย วันนี้มาตรการเดิมใช้ไม่ได้อีกแล้วเพราะยาเสพติดได้แพร่ขยายลงลึกไปในองค์กรต่าง ๆมากกว่าเดิม เราจึงต้องมีมาตรการเพิ่มเติม สำหรับในส่วนของ ศธ.นั้นก็จะต้องเร่งหามาตรการมาป้องกันแก้ไข เพราะหากยังปล่อยปะละเลยอีก เยาวชนที่จะก้าวไปสู่สังคมรุ่นต่อไปคุณภาพจะน้อยลง ในขณะที่การต่อสู้ในองค์รวมของโลกมากขึ้น โดยเฉพาะในปี 2558 ที่ประเทศจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ยิ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะจะมีแรงงานข้ามประเทศทำได้สะดวกยิ่งขึ้นรวมถึงการคมนาคมก็สะดวกขึ้น จะทำให้การตรวจสกัดกั้นยากเสพติดทำได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น เราจึงควรสร้างองค์รวมของประเทศให้เกิดความเข้มแข็ง หากทุกองค์รวมของประเทศมีความเข้มแข็งยาเสพติดก็จะเขามายากขึ้น
“ขณะนี้ข้อมูลที่กระทรวงศึกษาฯได้รับกรณีนักเรียนเกี่ยวข้องกับสารเสพติด ส่วนใหญ่จะเป็นเหล้า และบุหรี่ ซึ่งมีตัวเลขเกือบ 5 หมื่นคน ส่วนตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมีหลักพันคน และในส่วนข้าราชการและบุคลากรศธ.ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ค้า ผู้เสพยาเสพติดมีประมาณ เกือบ 100 คน ก็ได้ขอให้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด และในส่วนของนักเรียนนั้น ก็ให้คัดปลาออกจากน้ำโดยการนำไปบำบัดรักษา ส่วนนักเรียนอาชีวะที่บำบัดแล้วก็ไม่หายอาจจะให้สถานศึกษาหารือกับผู้ปกครองให้พาไปบวชเพื่อให้ธรรมะกล่อมเกล่าจิตใจก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียน เราจะไม่ลงโทษอย่างเดียว เพื่อให้โอกาสเด็กได้กลับมาเป็นคนดีของสังคม เนื่องจากเขายังไม่บรรลุนิติภาวะอาจจะถูกชักชวนเข้าไปในวงจรของยาเสพติดได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ศธ.จะขอข้อมูลผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดไปยัง ปปส. และศธ.จะจัดงบฯเพื่อทำแผนจัดกิจกรรมป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกับสสส.เพื่อให้สถานศึกษาปลอดยาเสพติด 100เปอร์เซนต์” รมช.ศธ.กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษา เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ได้สรุปรายงานสถานภาพการใช้สารเสพติด/ยาเสพติดในสถานศึกษา จาก 59 จังหวัด 64 เขตพื้นที่การศึกษา 5,828 โรง จากนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา จำนวนรวม 2,125,691 คน แบ่งเป็นนักเรียน 2,102,884 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 22,807 คน พบว่าในจำนวนทั้งหมดนี้ เกี่ยวข้องกับสารเสพติด จำนวน 37,662 คน แยกเป็นนักเรียน 37,548 คน ครู 74 คน เช่น เกี่ยวข้องกับเหล้า/เครื่องดืมแอลกอฮอล์ 22,429 คน บุหรี่ 23,595 คน กัญชา 305 คน ยาบ้า 548 คน กระท่อม 119 คน สารระเหย 69 คน ยาไอซ์ 66 คน อื่นๆ 4 คน กลุ่มที่สงสัยว่าค้ายา 69 คน กลุ่มที่กำลังบำบัด 9,355 คน
ด้านนางจำนง แจ่มจันทรวงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวิทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางโรงเรียนสตรีวิทยา ได้ให้การดูแลนักเรียนในรูปแบบต่างๆ เช่น โครงการเยี่ยมบ้านนักเรียน ติดตามพฤติกรรมนักเรียนเป็นรายบุคคล และทุกเดือนจะมีการประเมินพฤติกรรมของนักเรียนทุกคน เพื่อป้องกันปัญหาหลายๆ ด้านรวมถึงสารเสพติด โดยเฉพาะการส่งเสริมให้นักเรียนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการร่วมกิจกรรมต่างๆ ซึ่งส่งผลให้โรงเรียนเป็นสถานศึกษาปลอดสารเสพติด
“ที่ผ่านมาเรายังไม่เคยพบนักเรียนเกี่ยวข้องยาเสพติดเลย จาการตรวจปัสสาวะเทอมละ 1 ครั้ง แต่ในปีนี้สำหรับนักเรียนชั้น ม.1 จะขออนุญาตผู้ปกครองเพื่อให้ทางโรงเรียนตรวจเลือด พิมพ์ลายนิ้วมือ และตรวจปัสสาวะของนักเรียน ทั้งนี้ ก็หวังว่าผู้ปกครองจะเข้าใจความหวังดีของทางโรงเรียนในการดูแลลูกหลานของท่านให้มีระบบที่ดีขึ้นเพื่อป้องกันปัญหายาเสพติด” ผอ.ร.ร.สตรีวิทยากล่าว
