xs
xsm
sm
md
lg

“โรคก้านหูอักเสบ” ศัพท์บัญญัติใหม่ที่ไม่มีในสารบบ!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
กลายเป็นอีกโรคหนึ่งที่กำลังอยู่ในความสนใจของคนทั่วไปอย่างมากว่า “โรคก้านหูอักเสบ” ที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยกขึ้นมาอ้างว่าไม่ได้เมา แต่เกิดอาการเสียศูนย์ ทรงตัวไม่อยู่ เดินเซ ในการประชุมรัฐสภา เพราะเจ้าโรคชื่อทะแม่งๆ นี้ แท้จริงแล้วเป็นโรคอะไรกันแน่

รศ.นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธุ์ ประธานราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคก้านหูอักเสบ ชื่อนี้ไม่เคยได้ยิน ไม่มีอยู่ในสาระบบศัพท์ทางการแพทย์ของโรคที่เกี่ยวกับหู ดังนั้น จึงไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร เพราะในร่างกายมนุษย์ไม่มีก้านหู มีแต่ก้านสมอง จึงเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยอาจเกิดจากความเข้าใจผิดแล้วบัญญัติศัพท์ขึ้นมาใช้เอง

ประธานราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์ อธิบายต่อว่า ความจริงแล้วอาการเดินเอียง เซ เป็นไปได้ว่า เกิดจาการทำงานผิดปกติของประสาทหูชั้นใน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำหน้าที่การทรงตัว ทั้งนี้หูแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ 1.หูชั้นนอก 2.หูชั้นกลาง และ 3.หูชั้นใน สำหรับหูชั้นนอก ประกอบด้วย ใบหู ช่องหู และสุดที่แก้วหู ส่วนหูชั้นกลาง มีลักษณะเป็นโพรงอากาศขนาดเล็กเป็นกลไกนำเสียงมีกระดูกนำเสียง 3 ชิ้น คือ ค้อน ทั่ง และโกลน ขณะที่หูชั้นใน ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัว โดยมีเซลล์ประสาท 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกทำหน้าที่รับการได้ยิน และเชื่อมต่อกับกลุ่มที่สอง คือ กลุ่มที่ทำหน้าที่รับการทรงตัว เช่น เวลากระโดดตบลงมาย่อตัวคำสั่งของสิ่งเหล่านี้ กลไกของหูชั้นในจะถ่วงน้ำหนักไปด้านหลัง ทำให้รู้ว่าศีรษะอยู่ในตำแหน่งใด รวมถึงการแหงนหน้า หรือก้มหน้าก็ต้องใช้กลไกเดียวกันนี้
รศ.นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธุ์
รศ.นพ.ภาคภูมิ กล่าวต่อว่า กรณีที่เซลล์ในหูชั้นในเกิดความผิดปกติ ในส่วนของเซลล์ประสาทส่วนรับเสียงจะทำให้หูตึง ในส่วนเซลล์ประสาทการทรงตัวจะทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน อาเจียน ถ้าเป็นมากๆเรื้อรังจะทำให้การทำงานของหูชั้นในแย่ลงไปเรื่อยๆ เกิดอาการเดินเอียงหรือเซได้

รศ.นพ.ภาคภูมิ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การเป็นโรคต่างๆ ของหูชั้นในมีหลายโรค มีหลายสาเหตุ และขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่มีปัญหา ยกตัวอย่าง โรคหูดับ สเตรปโตคอคคัส ซูอิส ที่เกิดจากการกินลาบ ลู่ หมูดิบ ซึ่งเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียจากสุกรทำให้เยื้อหุ้มสมองอักเสบ และอาจส่งผลทำให้หูหนวกได้ นอกจากนี้อาจเกิดอาการหูดับจากโรค เช่น เบาหวาน ความดันสูง สุดท้ายเจอไม่บ่อยเป็นโรคเนื้องอกในสมองของเส้นประสาทหูทำให้เซลล์ประสาททำงานน้อยลง ทำให้มีปัญหาทั้งการได้ยิน การทรงตัว เดินไม่ตรง หรือปากเบี้ยวได้ ทั้งนี้ อาการของ โรคหูดับ อาจเป็นเพียงชั่วคราว หรือเกิดขึ้นอย่างถาวรก็ได้

รศ.นพ.ภาคภูมิ แจกแจงอีกว่า ส่วนโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เป็นโรคที่แรงดันน้ำในช่องหูชั้นในผิดปกติ ของเหลวที่อยู่ภายในส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายในจะมีน้ำคั่งมากผิดปกติ ทำให้การไหลเวียนไม่สะดวก แรงดันที่เพิ่มขึ้นในหูชั้นในจะขัดขวางการทำงานของเซลล์ประสาทที่เกี่ยวกับการได้ยินและการทรงตัว ทำให้สูญเสียการได้ยินและความสมดุล จึงทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะขึ้น เมื่อแรงดันมากขึ้นผู้ป่วยจะรู้สึกตึงๆ ในหูข้างที่ผิดปกติ ซึ่งหากน้ำระบายได้ดีขึ้นก็จะฟื้นตัวเป็นปกติแต่ก็จะกลับมาเป็นใหม่ได้อีก ไม่หาย 100%

ส่วนอาการหูอักเสบนั้นไม่มีผลกับการเดิน หรือการทรงตัว ลักษณะอาการเริ่มแรกของช่องหูอักเสบ คือตึงปวดในช่องหู ซึ่งมักได้ประวัติว่าแคะหู หรือว่ายน้ำมาก่อน การดึงใบหู หรือกดหน้าใบหู จะปวดมากขึ้น ถ้าส่องในช่องหู จะพบว่า ช่องหูบวม แดงอักเสบ ช่องหูแคบลง หูอื้อ ระยะต่อมาจะบวมอักเสบมากขึ้น ช่องหูแคบเล็ก ลงมาก หูอื้อมากขึ้น ปวดมากโดยเฉพาะเวลากลางคืน บางรายมี หนองไหลออกมาจากหูด้วย

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรที่เกี่ยวกับหู อย่ารอช้า รีบพบแพทย์ และให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัย แต่ที่แน่ๆ “โรคก้านหูอักเสบ” คุณหมอยืนยันว่า คลุกคลีอยู่ในวงการแพทย์มานานกว่า 40 ปี ไม่เคยได้ยิน และไม่มีอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น