xs
xsm
sm
md
lg

ปัสสาวะเล็ด ปัญหา 1 ใน 4 ของผู้หญิงวัย 35 ปีขึ้นไปต้องพบเจอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รศ.นพ. สุวิทย์ บุณยเวชชีวิน  สูตินารีแพทย์ สาขานรีเวชศาสตร์อุ้งเชิงกรานและการผ่าตัดซ่อมเสริม คณะแ
ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ด หรือปัสสาวะราด จะไม่บอกใครแม้กระทั่งคนใกล้ตัวเพราะมองว่าเป็นเรื่องน่าอาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้ที่มีภาวะปัสสาวะเล็ดจะมาพบแพทย์เมื่อมีอาการมากแล้ว ทั้งที่จริงแล้วภาวะปัสสาวะเล็ดสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ แม้ในบางครั้งอาจจะไม่หายขาด แต่ก็จะสามารถรับมือกับภาวะปัสสาวะเล็ดโดยมิให้ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน

อาการช้ำรั่ว” (Urinary Incontinence) เป็นอาการที่มีปัสสาวะเล็ดราดออกมาโดยไม่ตั้งใจและไม่สามารถควบคุมได้ อันเกิดจากความผิดปกติของหูรูด ซึ่งโดยปกติร่างกายเราควบคุมให้เรากลั้นปัสสาวะไว้ได้จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม โดยส่วนของบริเวณกระเพาะปัสสาวะที่ต่อกับท่อปัสสาวะจะมีหูรูดบีบไว้ไม่ให้ปัสสาวะเล็ดออกมา เมื่อปริมาณของปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะเต็ม กระเพาะปัสสาวะก็จะเริ่มบีบตัว เราจะรู้สึกปวดปัสสาวะ พร้อมกันนั้นหูรูดจะขยายตัวออกให้ปัสสาวะขับออกมา

ภาวะปัสสาวะเล็ดราด หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า อาการช้ำรั่ว นั้นมักจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยพบในผู้หญิง 25% ทั่วโลก และสำหรับประเทศไทยจะมีอุบัติการณ์ประมาณร้อยละ 20 ของผู้หญิงตั้งแต่วัยเจริญพันธุ์ถึงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งภาวะนี้ทำให้คุณภาพชีวิตผู้หญิงแย่ลง ส่งผลกระทบทั้งทางสังคมและจิตใจ เกิดการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอจากต้องตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก สมาธิการทำงานหมดไปกับการเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง รวมทั้งเกิดความกลัวในการเดินทางเนื่องจากกังวลเรื่องห้องน้ำ ทำให้ผู้มีปัญหาปัสสาวะเล็ดมักมีอาการซึมเศร้าปิดตัวจากสังคมร่วมด้วย

รศ.นพ.สุวิทย์ บุณยเวชชีวิน สูตินรีแพทย์ สาขานรีเวชศาสตร์อุ้งเชิงกรานและการผ่าตัดซ่อมเสริม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในการเสวนาหัวข้อ “หัวเราะรับเรื่องซึมๆ กับปัญหาปัสสาวะเล็ดของผู้หญิง” ในงานแถลงข่าวเปิดตัว “POISE” (พอยส์) แผ่นซึมซับปัสสาวะ ถึงสัญญาณเตือนภัย หรืออาการของภาวะปัสสาวะเล็ดว่า “อาการภาวะปัสสาวะเล็ดจะมากน้อยต่างกันออกไป 4 ประเภทกลุ่ม กลุ่มแรก คือ อาการปวดราด (Urge Incontinence) เป็นชนิดที่มีอาการปวดปัสสาวะรุนแรงจนเล็ดราดออกมาไม่สามารถรอไปเข้าห้องน้ำได้ทัน ซึ่งมักเกิดกับผู้หญิงวัยทำงาน โดยต้องรักษาด้วยการกินยา และการเปลี่ยนพฤติกรรม กลุ่มที่ 2 อาการไอจามปัสสาวะเล็ด (Stress Incontinence) เป็นชนิดที่มีปัสสาวะเล็ดราดออกมาก เมื่อมีการเพิ่มความดันในช่องท้อง เช่น ไอ จาม หรือ หัวเราะ อาการลักษณะนี้มักพบในผู้หญิงที่เริ่มมีอายุ น้ำหนักมาก เคยมีประวัติคลอดบุตรยาก เคยมีการผ่าตัดบริเวณรอบท่อปัสสาวะ หรือเคยรับการฉายรังสีรักษาบริเวณนั้นมาก่อน ประเภทนี้ใช้การรักษาหลักด้วยวิธีการผ่าตัด และการฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน กลุ่มที่ 3 Mixed Incontinence เป็นกลุ่มที่มีอาการทั้งสองกลุ่มข้างต้นร่วมกัน ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือชนิดที่มีปัสสาวะเล็ดราดร่วมกับมีปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะในปริมาณมาก แล้วไหลล้นออกมา ซึ่งถ้าหากคุณผู้ชายมีอาการปัสสาวะเล็ดก็มักจะอยู่ในกลุ่มนี้ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากต่อมลูกหมากโต หรือในผู้ป่วยที่มีระบบประสาทที่ควบคุม กระเพาะปัสสาวะเสียไปจากอุบัติเหตุ เนื้องอก หรือโรคเบาหวานที่รุนแรงบางประเภท”

การรักษาภาวะปัสสาวะเล็ด

รศ.นพ. สุวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับแนวทางรักษานั้นต้องดูตามอาการและสาเหตุของปัญหา มีทั้งกินยา การใช้ฮอร์โมนทดแทน การฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยการขมิบช่องคลอด หรือแม้แต่การผ่าตัด โดยการคล้องท่อปัสสาวะด้วยสายเทปขนาดเล็ก ซึ่งจะมีแผลผ่าตัดเล็กประมาณ 1 ซม. ซึ่งแพทย์จะทำการใช้อุปกรณ์ที่ได้ออกแบบมา สอดคล้องท่อปัสสาวะเพื่อปรับความตึงให้พอดี พักฟื้น 1-2 วันก็กลับบ้านได้ รวมถึงการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่น การลดน้ำหนัก อย่าให้ท้องผูก งดสูบบุหรี่ งดดื่มกาแฟ โซดา น้ำอัดลม เนื่องจากมีสารกระตุ้นให้เกิดการขับถ่ายบ่อย และในอดีตพบว่าผู้หญิงไทยแก้ไขปัญหาภาวะปัสสาวะเล็ดโดยการใช้แผ่นอนามัย หรือผ้าอนามัยมาเป็นแผ่นซึมซับ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพราะผ้าอนามัยไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการซึมซับปัสสาวะโดยเฉพาะ ดังนั้น การใช้แผ่นซึมซับปัสสาวะที่เหมาะสมก็ถือเป็นทางเลือกที่สะดวก ปลอดภัย และถูกสุขอนามัยอีกทั้งยังทำให้คุณผู้หญิงสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ”

“ภาวะปัสสาวะเล็ดไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว หรือน่าอับอาย หากคุณผู้หญิงมีความรู้ความเข้าใจ และพร้อมจะรับมือกับปัญหาได้อย่างถูกต้อง ก็จะสามารถใช้ชีวิตทุกวันด้วยความมั่นใจ” รศ.นพ.สุวิทย์กล่าวทิ้งท้าย
ภายในของผู้หญิง
อวัยวะภายใน
กำลังโหลดความคิดเห็น