วงเสวนาระดมสมองแก้ปัญหาพนันบอล หวั่นวงการฟุตบอลถอยหลังเข้าคลอง จี้รัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง วอนเยาวชนดูบอลอย่างสร้างสรรค์ ก้าวข้ามการพนัน ด้าน นศ.เปิดใจ เคยเล่นพนันเสียเวลานับปี ชี้ สังคมต้องใส่ใจปัญหา สร้างความเข้มแข็งครอบครัว
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ในงานเสวนา “เยาวชนไทยดูบอลอย่างสร้างสรรค์ ก้าวข้ามการพนัน” จัดโดย มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ มูลนิธิสื่อเพื่อนเยาวชน สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้ององค์กรด้านศาสนา ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องด้านกีฬาเข้าร่วม
นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เลขาธิการมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาการพนันฟุตบอลพบมากและลุกลามไปในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน จากผลการสำรวจของกองวิจัยและพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ในปี 2553 นักเรียนระดับมัธยมศึกษา(ม.1-ม.6) สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เล่นพนันฟุตบอลมากถึง 26.8% โดยนำเงินสำหรับใช้ประจำวันไปพนันบอล แต่หากไม่มีเงิน นักเรียน 7.5% จะกู้เงินนอกระบบเพื่อใช้แทงพนันฟุตบอล และแม้จะรู้ว่าการพนันฟุตบอลเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เด็กหรือผู้เล่นพนัน 24.2% ไม่กังวลที่จะถูกจับดำเนินคดี และมีแนวโน้มที่เยาวชนกลุ่มนี้จะเล่นการพนันบอลสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังมีผลวิจัยจากต่างประเทศ ที่พบว่า การพนันมีผลกระทบต่อสมองส่วนหน้า ในการเจริญเติบโตของเยาวชนอย่างชัดเจน
“ปัจจุบันในประเทศไทยยังใช้กฎหมายการพนัน พ.ศ.2478 ซึ่งมีหลายมาตราที่ล้าสมัยและบทลงโทษไม่สอดคล้องกับปัญหาที่พบ ในขณะที่การพนันมีรูปแบบและวิธีการเล่นที่ทันสมัย โดยนำเอาเทคนิคใหม่ๆ เข้ามาใช้เป็นช่องทาง เพื่อมอมเมาเยาวชน ดังนั้น คงถึงเวลาแล้วที่สังคมต้องมีกติกาเพื่อทำให้เยาวชนหลุดพ้นจากปัญหาการพนัน และภาคประชาชนต้องผลักดันนโยบายลดการพนันฟุตบอลในกลุ่มเยาวชนส่งเสริมให้เยาวชนชมกีฬาฟุตบอลอย่างสร้างสรรค์ รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมรณรงค์และมีมาตรการในการควบคุมอย่างเป็นรูปธรรม”นพ.ประเสริฐ กล่าว
นายพิพัฒน์ วราเมธพิพัฒน์ ประธานกองเชียร์สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด กล่าวว่า อิทธิพลของสื่อมวลชน ถือว่ามีผลต่อการเล่นพนันเป็นอย่างมาก เช่น การเสนอข้อมูล แต้มต่อ ลงในคอลัมน์นั้น และทุกวันนี้โต๊ะรับแทงพนันบอลมีเม็ดเงินไหลเวียนมหาศาล อีกหน่อยวงการฟุตบอลจะถอยหลังเข้าคลอง และวงการพนันฟุตบอลจะแพร่หลายขึ้นเรื่อยๆ เพราะการพนันไม่จำเป็นต้องลงทุน แค่ยกหูโทรศัพท์ก็สามารถแทงบอลได้แล้ว
ด้านนิสิตคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ผู้เคยมีประสบการณ์การเล่นพนันมาก่อน กล่าวว่า ตนเล่นพนันบอลตอนอายุ 15 ปี เสียเวลาไปเกือบ 1 ปีเต็ม โดยครั้งแรกตามเพื่อนไปเล่นที่โต๊ะบอล เพราะอยากได้เงิน จากนั้นก็เล่นมาอย่างต่อเนื่อง และเริ่มพัฒนามาเล่นพนันบอลออนไลน์ เพราะเล่นง่ายไม่ยุ่งยาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ได้เงินเยอะขึ้น มีแต่จะเสียอย่างเดียว จึงตัดสินใจเลิกเล่น อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงแนวทางแก้ปัญหาคือ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ควบคุมปัญหาพนันออนไลน์ และครอบครัวก็ต้องสร้างความรักและใส่ใจใกล้ชิดต่อเด็ก
ขณะที่นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า รัฐบาลได้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาด้านกีฬา ซึ่งขณะนี้ได้มีการอนุมัติงบประมาณเพื่อสนับสนุนสโมสรฟุตบอลทุกจังหวัดเพื่อนำไปสร้างทีมฟุตบอลเยาวชน และบริหารจัดการค่าตัวให้นักเตะอย่างยุติธรรมรวมถึงการปลูกฝังให้เยาวชนรักการเล่นกีฬาอย่างสร้างสรรค์เพื่อป้องกันไม่ยุ่งเกี่ยวกับปัญหาพนันบอล
สำหรับแนวทางข้อเสนอในการเสวนาครั้งนี้ 1. สนับสนุนให้สโมสรกีฬาฟุตบอลระดับท้องถิ่น ดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันและชมฟุตบอลอย่างสร้างสรรค์ 2.ผลักดันให้ชมรม สมาคมและหน่วยงานด้านกีฬา มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์และกิจกรรมเรื่องการลด ละ เลิก การพนันฟุตบอลให้เยาวชนอย่างเป็นรูปธรรม และ3.ผลักดันให้สถาบันการศึกษา เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนากิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการชมฟุตบอลอย่างปลอดจากการพนัน
