วธ.พ้องบฯบูรณะโบราณสถานน้อย จับมือ ศิลปิน จัดประมูลภาพ เพื่อนำรายได้มาช่วยกู้โบราณสถาน หวังให้อนุชนรุ่นหลังใช้เป็นแหล่งเรียนรู้รากเหง้าทางวัฒนธรรม
วันนี้ (12 ม.ค.) นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวเปิดโครงการประมูลผลงานศิลปะเพื่อช่วยเหลือโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม “ศิลปินไทย รวมใจฟื้นฟูโบราณสถาน” ว่า ตนได้รับรายงานจากนางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร ว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของโบราณสถานอีกครั้ง ปรากฏว่า มีโบราณสถานได้รับความเสียหายเพิ่ม 20 แห่ง จากเดิม 313 แห่ง รวมทั้งสิ้น 333 แห่ง ใน 44 จังหวัด อย่างไรก็ตาม ทางกรมศิลปากรได้เร่งจัดทำรายละเอียด และรูปแบบรายการในการบูรณะเพื่อใช้ประกอบในการจัดจ้าง คาดว่าจะจัดทำเอกสารแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.ทั้งนี้ กรมศิลปากรได้เริ่มบูรณะโบราณสถานในพื้นที่ภาคเหนือแล้ว ได้แก่ วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่ และกำแพงเมืองน่าน จ.น่าน
นางสุกุมล กล่าวว่า สำหรับงบประมาณในการบูรณะโบราณสถานนั้น ตนคิดว่า ยังไม่เพียงพอ แม้ว่าเราได้รับงบประมาณจากทางรัฐบาลมาส่วนหนึ่งแล้วก็ตาม ดังนั้น วธ.ได้ร่วมกับ ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินศิลปาธร และศิลปินชั้นนำของประเทศ จำนวน 31 ท่าน จัดส่งผลงานทัศนศิลป์มาจัดแสดงนิทรรศการจำนวน 32 ชิ้น และจัดประมูลเพื่อนำรายได้มาดำเนินการบูรณะโบราณสถานที่เสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม อาทิ ดร.กมล ทัศนาญชลี ศ.เกียรติคุณ ประหยัด พงษ์ดำ ดร.ถวัลย์ ดัชนี ศ.ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-18 กุมภาพันธ์ นี้ ที่ อาร์เดลเธิร์ด เพลส แกเลอรี่ สุขุมวิท 55 ทองหล่อซอย 10
“เราต้องหารายได้เพิ่มเติมจากงบที่ได้จากรัฐบาล คาดว่า จะไม่เพียงพอนำมาบูรณะโบราณสถานให้กลับเหมือนเดิม ซึ่งการบูรณะครั้งนี้ จะต้องดูถึงความมั่นคงของโครงสร้างให้แข็งแรงกว่าเดิม รวมถึงการจัดทำระบบป้องกัน โดยเฉพาะ จ.พระนครศรีอยุธยา เพราะโบราณสถานส่วนใหญ่จะติดกับแม่น้ำ แนวป้องกันจึงถือเป็นส่วนสำคัญ อย่างที่วัดไชยวัฒนาราม แนวป้องกันเดิม จะประมาณ 2 เมตร ที่ผ่านมา ระดับเพิ่มสูงมากกว่า 2 เมตร 50 จึงต้องมีการจัดทำแผนเพิ่มเติม ซึ่งต้องใช้งบประมาณค่อนข้างมาก ดังนั้น การสนับสนุนจากทุกภาคส่วนจึงจำเป็นอย่างยิ่ง“ นางสุกุมล กล่าว
นายกมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ กล่าวว่า ศิลปินที่ส่งผลงานเข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ ได้ร่วมมือกันผลิตผลงานอย่างดีที่สุด เพื่อหารายได้ช่วยเหลือบูรณะโบราณสถาน เพราะเห็นว่า โบราณสถานเป็นมรดกของชาติที่จะต้องรักษาไว้ให้คงอยู่ ให้เด็กรุ่นหลังใช้เป็นแหล่งเรียนรู้รากเหง้าทางวัฒนธรรม
วันนี้ (12 ม.ค.) นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวเปิดโครงการประมูลผลงานศิลปะเพื่อช่วยเหลือโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม “ศิลปินไทย รวมใจฟื้นฟูโบราณสถาน” ว่า ตนได้รับรายงานจากนางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร ว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของโบราณสถานอีกครั้ง ปรากฏว่า มีโบราณสถานได้รับความเสียหายเพิ่ม 20 แห่ง จากเดิม 313 แห่ง รวมทั้งสิ้น 333 แห่ง ใน 44 จังหวัด อย่างไรก็ตาม ทางกรมศิลปากรได้เร่งจัดทำรายละเอียด และรูปแบบรายการในการบูรณะเพื่อใช้ประกอบในการจัดจ้าง คาดว่าจะจัดทำเอกสารแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.ทั้งนี้ กรมศิลปากรได้เริ่มบูรณะโบราณสถานในพื้นที่ภาคเหนือแล้ว ได้แก่ วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่ และกำแพงเมืองน่าน จ.น่าน
นางสุกุมล กล่าวว่า สำหรับงบประมาณในการบูรณะโบราณสถานนั้น ตนคิดว่า ยังไม่เพียงพอ แม้ว่าเราได้รับงบประมาณจากทางรัฐบาลมาส่วนหนึ่งแล้วก็ตาม ดังนั้น วธ.ได้ร่วมกับ ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินศิลปาธร และศิลปินชั้นนำของประเทศ จำนวน 31 ท่าน จัดส่งผลงานทัศนศิลป์มาจัดแสดงนิทรรศการจำนวน 32 ชิ้น และจัดประมูลเพื่อนำรายได้มาดำเนินการบูรณะโบราณสถานที่เสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม อาทิ ดร.กมล ทัศนาญชลี ศ.เกียรติคุณ ประหยัด พงษ์ดำ ดร.ถวัลย์ ดัชนี ศ.ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-18 กุมภาพันธ์ นี้ ที่ อาร์เดลเธิร์ด เพลส แกเลอรี่ สุขุมวิท 55 ทองหล่อซอย 10
“เราต้องหารายได้เพิ่มเติมจากงบที่ได้จากรัฐบาล คาดว่า จะไม่เพียงพอนำมาบูรณะโบราณสถานให้กลับเหมือนเดิม ซึ่งการบูรณะครั้งนี้ จะต้องดูถึงความมั่นคงของโครงสร้างให้แข็งแรงกว่าเดิม รวมถึงการจัดทำระบบป้องกัน โดยเฉพาะ จ.พระนครศรีอยุธยา เพราะโบราณสถานส่วนใหญ่จะติดกับแม่น้ำ แนวป้องกันจึงถือเป็นส่วนสำคัญ อย่างที่วัดไชยวัฒนาราม แนวป้องกันเดิม จะประมาณ 2 เมตร ที่ผ่านมา ระดับเพิ่มสูงมากกว่า 2 เมตร 50 จึงต้องมีการจัดทำแผนเพิ่มเติม ซึ่งต้องใช้งบประมาณค่อนข้างมาก ดังนั้น การสนับสนุนจากทุกภาคส่วนจึงจำเป็นอย่างยิ่ง“ นางสุกุมล กล่าว
นายกมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ กล่าวว่า ศิลปินที่ส่งผลงานเข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ ได้ร่วมมือกันผลิตผลงานอย่างดีที่สุด เพื่อหารายได้ช่วยเหลือบูรณะโบราณสถาน เพราะเห็นว่า โบราณสถานเป็นมรดกของชาติที่จะต้องรักษาไว้ให้คงอยู่ ให้เด็กรุ่นหลังใช้เป็นแหล่งเรียนรู้รากเหง้าทางวัฒนธรรม
