กทม.ประสาน บช.น.คุ้มกันซ่อมแซมแนวบิ๊กแบ็ก เขตดอนเมือง เผยถูกรื้อยาว 10 เมตร ระดับน้ำด้านนอกสูง 93 ซม.ส่วนในบิ๊กแบ็ก 70 ซม.ต่างกัน 23 ซม.ระบุหลังรื้อคันบิ๊กแบ็กน้ำลดอีกเหลือต่างกัน 15 ซม.พร้อมเจรจาชาวบ้านหาทางออกที่ดีที่สุด เล็งเสนอศปภ.ปิดคันบิ๊กแบ็กแต่ขอให้เป็นลักษณะฝายน้ำล้นเพื่อให้น้ำได้ระบายและไม่เกิดภาวะน้ำเน่า
วันนี้ (14 พ.ย.) ที่ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายวสันต์ มีวงศ์ โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยผลการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการแก้ไขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหากรณีประชาชนในพื้นที่เขตดอนเมือง รวมตัวกันรื้อกระสอบทรายยักษ์ หรือ บิ๊กแบ็กว่าใน เบื้องต้นผู้ว่าฯ กทม.ได้ประสานความร่วมมือไปยังผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในการเข้าไปดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันมิให้ประชาชนเข้าไปทำลายแนวกระสอบทรายที่เป็นคันกั้นน้ำ รวมทั้งจัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มครองและอารักขาเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นที่เข้าไปทำการซ่อมแซมแนวกระสอบทรายบริเวณ ดังกล่าวข้างต้น โดยผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เข้าไปประจำพื้นที่ตั้งแต่เวลาประมาณ 24.00 น. ของวานนี้ (13 พ.ย.) แล้ว และจากการตรวจสอบพบว่าสภาพกระสอบทรายที่ถูกรื้อออกไปเป็นช่องขนาด 10 เมตร ระดับน้ำด้านในและด้านนอกของบิ๊กแบ็กต่างกัน 23 ซม.คือ ด้านนอกสูง 93 ซม.และด้านใน 70 ซม.
ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายของวันนี้ ผู้ว่าฯ กทม.ได้มอบหมายให้ นายจุมพล สำเภาพล และ นายสมภพ ระงับทุกข์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ประชุมร่วมกับแกนนำประชาชนที่มาเรียกร้อง เพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของประชาชนและหารือแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุป3ข้อซึ่งได้หารือกับตัวแทนประชาชนเขตดอนเมือง โดยจะนำเข้าที่ปช.ศปภ.16.00น.นี้ คือ 1.ถ้าการเปิดคันกั้นบิ๊กแบ็กไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่กทม.ชาวดอนเมืองขอให้เปิดอย่างนี้ต่อไป
2.หากเปิดแล้วส่งผลกระทบต่อกทม.และพท.ชั้นใน ก็พร้อมจะให้ปิดคันบิ๊กแบ็กแต่ขอให้เป็นลักษณะฝายน้ำล้นเพื่อให้น้ำได้ระบายและไม่เกิดภาวะน้ำเน่า 3.หากยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าคันกั้นจะสร้างปัญหาหรือไม่ ให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างสำนักการระบายน้ำและตัวแทนประชาชนทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม.เห็นว่า ข้อ 2 จะเป็นทางที่ดีที่สุด เพื่อให้น้ำเคลื่อนไหวแบบชลอตัว และไม่เน่าเสีย แต่จำเป็นต้องดูตามสถานการณ์ต่อไป
"ชาวดอนเมืองไม่ต้องการที่จะรื้อบิ๊กแบคทั้งหมดแต่ให้รื้อบางส่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และไม่ต้องการให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่ชั้นใน โดยพร้อมจะเสียสละให้คนกรุงส่วนใหญ่ ซึ่งตนก็เข้าใจชาวดอนเมือง เพราะหลังจากเปิดบิ๊กแบ็คระดับน้ำลดลงจาก 23 ซม. เหลือ 15 ซม. ซึ่งกทม.จะเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบในด้านต่างๆทั้งบริการหน่วยแพทย์ ให้คำปรึกษาด้านจิตใจ รวมถึง นำเจ้าหน้าที่ไปซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ และสาธารณูปโภค โดยก่อนหน้านี้ได้เริ่มนำร่องในพื้นที่เขตสายไหมไปแล้ว" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
ผู้ว่าฯกทม.กล่าวด้วยว่า แปลกใจที่ศปภ.ไม่มีการพูดคุยกับสส.ในพื้นที่ ก่อนจะมีการดำเนินการใดๆ ส่งผลให้เกิดความสับสนกับหลายฝ่าย ทั้งที่กทม.พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของศปภ. อย่างเต็มที่ไม่ว่าจะให้รื้อหรือซ่อม
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวถึงด้านฝั่งชาวบ้านย่านพระราม 2 เรียกร้องให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำภายใน 18.00 น. หากไม่ได้รับการสนองตอบตามคำเรียกร้องจะปิดถนนนั้นว่า ปัญหาสถานการณ์น้ำพระราม 2 แก้ด้วยเครื่องสูบน้ำไม่ได้ เพราะไม่สามารถสูบน้ำจากที่ต่ำขึ้นสู่ที่สูงได้ ซึ่งเรื่องนี้ควรจะพูดคุยเจรจามากกว่ากดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ ดังนั้น วอนประชาชนอย่ารื้อคันกั้นน้ำหรือประท้วง
ขณะที่ ปริมาณขยะใรพื้นที่น้ำท่วม 25 เขตนั้น กทม.สามารถเก็บขยะได้กว่า 2,700 ตัน โดยขณะนี้ได้จ้างอาสาสมัครเพิ่มขึ้นเป็น 400 คนแล้ว ได้รับค่าตอบแทนรายวันๆ ละ 300 บาท ซึ่งกทม.ได้ระดมพนักงานรักษาความสะอาดที่ขณะนี้ไม่ได้กวาดถนนมาช่วยทำ หน้าที่เก็บขยะด้วย และขณะนี้มีรถขยะที่ดัดแปลงท่อไอเสียแล้ว 487 คัน แต่ยังไม่เพียงพอต่อการจัดเก็บขยะ ซึ่ง กทม.ได้ประสานไปยัง ศปภ.เพื่อขอเรือจัดเก็บขยะด้วย
สำหรับการฉีดพ่นน้ำจุลินทรีย์ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ได้ประสานกับสำนักงนเขตที่ไม่ถูกน้ำท่วมในการช่วยผลิตน้ำจุลินทรีย์วันละ 20,000 ลิตร เพื่อนำไปฉีดพ่นในพื้นที่น้ำท่วมขังตามที่ได้รับการร้องขอ ซึ่งได้มอบหมายให้ศูนย์ 1555 เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลความต้องการของประชาชน