แพทย์ฉุกเฉินสรุป 15 วัน ลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินแล้ว 929 ราย พร้อมเดินหน้าภารกิจลำเลียงผู้ป่วยหนักด้วย C-130 ต่อเป็นวันที่สาม เตรียมเพิ่มคู่สายสายด่วน 1669 เป็น 300 คู่สายแล้วตามข้อสั่งการ รมว.สธ.แล้ว เพื่อครอบคลุมการบริการทางการแพทย์ในเหตุน้ำท่วม
ที่ศูนย์บูรณาการประสานการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินตอบโต้ภัยพิบัติแห่งชาติ (ศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินดอนเมือง 84) นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวว่า วันที่ 24 ต.ค. ถือเป็นวันที่ 3 เที่ยวบินที่ 5 ที่มีการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศ โดยในวันนี้จะมีการลำเลียงผู้ป่วย 2 รอบ คือ ในช่วงเช้ามีเป็นการลำเลียงผู้ป่วยจากรพ.นพรัตน์ราชธานี 8 ราย จากรพ.ธรรมศาสตร์ 4 ราย ส่งไปรักษาต่อที่ รพ.ระยอง และผู้ป่วยจากรพ.ภูมิพล ส่งไปรักษาต่อที่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ จ.ชลบุรี 4 ราย รวม 16 ราย นอกจากนี้ในช่วงเวลา 18.00 น.จะมีการลำเลียงผู้ป่วยหนักอีก 7 รายด้วย
“ขณะนี้ในหลายโรงพยาบาลประสบภาวะน้ำท่วม หรือมีน้ำท่วมขังทำให้เป็นอุปสรรคต่อการจราจร ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยจึงจำเป็นต้องลำเลียงผู้ป่วยหนักออกก่อน เนื่องจากผู้ป่วยหนักส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจน ซึ่งหากรอจนกว่าการจราจรเข้าถึงไม่ได้จะส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอันตรายได้” นพ.ชาตรี กล่าว
นพ.ชาตรี กล่าวต่อว่า สำหรับปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินตั้งแต่เปิดศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 9-23 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการลำเลียงส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินแล้วทั้งสิ้น 929 ราย โดยแบ่งเป็นการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศโดยเฮลิคอปเตอร์ 49 เที่ยวบิน จำนวน 53 ราย จากเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบินตำรวจ ทหารบก และ รพ.กรุงเทพ และลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศโดยเครื่องบินฝนหลวง (CASA) ของกระทรวงเกษตรฯ 12 เที่ยวบิน จำนวน 61 ราย ลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางเครื่องบิน C-130 4 เที่ยวบิน จำนวน 109 ราย นอกจากนี้มีการลำเลียงผู้ป่วยหนักทางรถพยาบาล 276 เที่ยว จำนวน 357 ราย และสนับสนุนการลำเลียงผู้ป่วยโดยเรือ 221 เที่ยว จำนวน 349 ราย
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุ สามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วน 1669 โดยขณะนี้ สพฉ.จะเพิ่มคู่สายเป็น 300 คู่สาย ตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เพียงพอต่อการรับแจ้งเหตุ และการขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ ในสถานการณ์อุทกภัยด้วย
ที่ศูนย์บูรณาการประสานการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินตอบโต้ภัยพิบัติแห่งชาติ (ศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินดอนเมือง 84) นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวว่า วันที่ 24 ต.ค. ถือเป็นวันที่ 3 เที่ยวบินที่ 5 ที่มีการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศ โดยในวันนี้จะมีการลำเลียงผู้ป่วย 2 รอบ คือ ในช่วงเช้ามีเป็นการลำเลียงผู้ป่วยจากรพ.นพรัตน์ราชธานี 8 ราย จากรพ.ธรรมศาสตร์ 4 ราย ส่งไปรักษาต่อที่ รพ.ระยอง และผู้ป่วยจากรพ.ภูมิพล ส่งไปรักษาต่อที่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ จ.ชลบุรี 4 ราย รวม 16 ราย นอกจากนี้ในช่วงเวลา 18.00 น.จะมีการลำเลียงผู้ป่วยหนักอีก 7 รายด้วย
“ขณะนี้ในหลายโรงพยาบาลประสบภาวะน้ำท่วม หรือมีน้ำท่วมขังทำให้เป็นอุปสรรคต่อการจราจร ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยจึงจำเป็นต้องลำเลียงผู้ป่วยหนักออกก่อน เนื่องจากผู้ป่วยหนักส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจน ซึ่งหากรอจนกว่าการจราจรเข้าถึงไม่ได้จะส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอันตรายได้” นพ.ชาตรี กล่าว
นพ.ชาตรี กล่าวต่อว่า สำหรับปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินตั้งแต่เปิดศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 9-23 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการลำเลียงส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินแล้วทั้งสิ้น 929 ราย โดยแบ่งเป็นการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศโดยเฮลิคอปเตอร์ 49 เที่ยวบิน จำนวน 53 ราย จากเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบินตำรวจ ทหารบก และ รพ.กรุงเทพ และลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศโดยเครื่องบินฝนหลวง (CASA) ของกระทรวงเกษตรฯ 12 เที่ยวบิน จำนวน 61 ราย ลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางเครื่องบิน C-130 4 เที่ยวบิน จำนวน 109 ราย นอกจากนี้มีการลำเลียงผู้ป่วยหนักทางรถพยาบาล 276 เที่ยว จำนวน 357 ราย และสนับสนุนการลำเลียงผู้ป่วยโดยเรือ 221 เที่ยว จำนวน 349 ราย
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุ สามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วน 1669 โดยขณะนี้ สพฉ.จะเพิ่มคู่สายเป็น 300 คู่สาย ตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เพียงพอต่อการรับแจ้งเหตุ และการขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ ในสถานการณ์อุทกภัยด้วย
