หมอชนบท ชี้จ่ายค่าตอบแทนแพทย์ชนบทเพิ่ม ช่วยแก้ปัญหาแพทย์เบี้ยวทุน แนะส่งเสริมแพทย์เรียนเฉพาะทางเพื่อพัฒนา รพช.
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวถึงการแก้ปัญหาแพทย์ชนบทลาออกก่อนครบกำหนดระยะเวลาในการชดใช้ทุนแพทย์เพื่อชนบท ว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเรื้อรังมานานดังนั้นเห็นด้วยกับเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงเรื่องค่าปรับ อต่อยากให้เพิ่มจำนวนค่าปรับเป็น 3 ล้านบาท จะดีมาก เพราะในความเป็นจริงนั้นแพทย์ส่วนใหญ่ที่ลาออกก่อนครบกำหนดใช้ทุน ที่ต้องจ่ายเงินชดเชยไม่กี่แสนบาท ใช้เวลารับจ้างโรงพยาบาลเอกชนและคลินิกที่เป็นเชิงธุรกิจไม่นานก็สามารถหาเงินใช้คืนรัฐบาลได้แล้ว ขณะที่รัฐบาลต้องเสียเงินมหาศาลในการจัดส่งแพทย์เรียน แต่กลับเป็นการผลิตแพทย์ออกสู่ภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าศักยภาพในการฉุดแพทย์ไว้ดีกว่ามาก เพราะภาคธุรกิจบางแห่งอาศัยแค่จังหวะและโอกาสในการดึงแพทย์และมอบทุนเรียนต่อ พร้อมเสนอเงินเดือนที่สูง แต่กลับไม่ได้ทุ่มทุนระยะยาวในการเรียนการสอนแพทย์ ดังนั้นหากแพทย์ยินดีจะปฏิบัติตามกฎกติกา ต่อให้ ภาครัฐมีการเสนอเงินค่าปรับเป็น 20 ล้านก็ไม่ส่งผลกระทบ
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ในปัจจุบันโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) ในพื้นที่ซึ่งเจริญแล้วมีแพทย์เฉพาะทางอยู่มากแล้ว โดยภาพรวมทั้งประเทศมีราว 70 % ซึ่งส่วนมากเกิดจาการที่รัฐบาลมอบทุนแพทย์ชนบทในการเรียนต่อเพื่อพัฒนาความรู้ พร้อมทั้งให้งานทำในระหว่างเรียนต่อเฉพาะทางด้วย ซึ่งหากปรับแก้เงื่อไขการจ่ายเงินค่าตอบแทนและกระจายภาระงานอย่างเหมาะสมก็น่าจะสามารถดึงดูดแพทย์ได้แล้ว
“สำหรับเงื่อนไขเรื่องการปรับเปลี่ยนระยะเวลานั้น มองว่าทุกวิชาชีพต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่เชื่อว่า หากโรงพยาบาลชุมชนเองมีการปรับตัวเองให้มีมาตรฐานและบริการสาธารณสุขที่ดี ระยะเวลาจะ 3 ปี หรือ 6 ปี ก็ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจแต่อย่างใดสำหรับแพทย์ที่พร้อมจะอยู่ เว้นแต่แพทย์ที่ต้องการเรียนต่อเท่านั้น ที่อาจจะท้วงติงเรื่องกรอบเวลาในการใช้ทุน ดังนั้นส่วนนี้คิดว่าจะเป็นไปอย่างไรก็ได้ตามความเหมาะสม เพราะระหว่างเรียนปริญญาตรี โครงการแพทย์เพื่อชนบท ไม่มีเงินค่าครองชีพให้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยากเสนอเพิ่มเติม คือ อยากให้รัฐบาลที่สนับสนุนทุนการศึกษาเร่งส่งเสริมเรื่องการเรียนต่อเฉพาะทางเพื่อให้แพทย์มีความมั่นคงในอาชีพและอยู่ประจำสถานบริการของรัฐฯให้นาน ประชาชนก็จะได้รับบริการที่ดีจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญมากขึ้น ซึง่เชื่อว่า โรงพยาบาลชุมชนมีศักยภาพในการพัฒนาตัวเอง
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวถึงการแก้ปัญหาแพทย์ชนบทลาออกก่อนครบกำหนดระยะเวลาในการชดใช้ทุนแพทย์เพื่อชนบท ว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเรื้อรังมานานดังนั้นเห็นด้วยกับเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงเรื่องค่าปรับ อต่อยากให้เพิ่มจำนวนค่าปรับเป็น 3 ล้านบาท จะดีมาก เพราะในความเป็นจริงนั้นแพทย์ส่วนใหญ่ที่ลาออกก่อนครบกำหนดใช้ทุน ที่ต้องจ่ายเงินชดเชยไม่กี่แสนบาท ใช้เวลารับจ้างโรงพยาบาลเอกชนและคลินิกที่เป็นเชิงธุรกิจไม่นานก็สามารถหาเงินใช้คืนรัฐบาลได้แล้ว ขณะที่รัฐบาลต้องเสียเงินมหาศาลในการจัดส่งแพทย์เรียน แต่กลับเป็นการผลิตแพทย์ออกสู่ภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าศักยภาพในการฉุดแพทย์ไว้ดีกว่ามาก เพราะภาคธุรกิจบางแห่งอาศัยแค่จังหวะและโอกาสในการดึงแพทย์และมอบทุนเรียนต่อ พร้อมเสนอเงินเดือนที่สูง แต่กลับไม่ได้ทุ่มทุนระยะยาวในการเรียนการสอนแพทย์ ดังนั้นหากแพทย์ยินดีจะปฏิบัติตามกฎกติกา ต่อให้ ภาครัฐมีการเสนอเงินค่าปรับเป็น 20 ล้านก็ไม่ส่งผลกระทบ
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ในปัจจุบันโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) ในพื้นที่ซึ่งเจริญแล้วมีแพทย์เฉพาะทางอยู่มากแล้ว โดยภาพรวมทั้งประเทศมีราว 70 % ซึ่งส่วนมากเกิดจาการที่รัฐบาลมอบทุนแพทย์ชนบทในการเรียนต่อเพื่อพัฒนาความรู้ พร้อมทั้งให้งานทำในระหว่างเรียนต่อเฉพาะทางด้วย ซึ่งหากปรับแก้เงื่อไขการจ่ายเงินค่าตอบแทนและกระจายภาระงานอย่างเหมาะสมก็น่าจะสามารถดึงดูดแพทย์ได้แล้ว
“สำหรับเงื่อนไขเรื่องการปรับเปลี่ยนระยะเวลานั้น มองว่าทุกวิชาชีพต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่เชื่อว่า หากโรงพยาบาลชุมชนเองมีการปรับตัวเองให้มีมาตรฐานและบริการสาธารณสุขที่ดี ระยะเวลาจะ 3 ปี หรือ 6 ปี ก็ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจแต่อย่างใดสำหรับแพทย์ที่พร้อมจะอยู่ เว้นแต่แพทย์ที่ต้องการเรียนต่อเท่านั้น ที่อาจจะท้วงติงเรื่องกรอบเวลาในการใช้ทุน ดังนั้นส่วนนี้คิดว่าจะเป็นไปอย่างไรก็ได้ตามความเหมาะสม เพราะระหว่างเรียนปริญญาตรี โครงการแพทย์เพื่อชนบท ไม่มีเงินค่าครองชีพให้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยากเสนอเพิ่มเติม คือ อยากให้รัฐบาลที่สนับสนุนทุนการศึกษาเร่งส่งเสริมเรื่องการเรียนต่อเฉพาะทางเพื่อให้แพทย์มีความมั่นคงในอาชีพและอยู่ประจำสถานบริการของรัฐฯให้นาน ประชาชนก็จะได้รับบริการที่ดีจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญมากขึ้น ซึง่เชื่อว่า โรงพยาบาลชุมชนมีศักยภาพในการพัฒนาตัวเอง
