กสร.เผย โรงงานถูกน้ำท่วมกว่า 1.4 หมื่นแห่ง ลูกจ้างเดือดร้อนกว่า 6.6 แสนคน โครงการ “เพื่อนช่วยเพื่อน” เดินหน้าทันทีไม่ได้ เหตุสถานประกอบการที่ถูกน้ำท่วมรวบรวมลูกจ้างไม่ได้ต้องรอสิ้นเดือน ต.ค.นี้
วันนี้ (19 ต.ค.) นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 19 ต.ค.เวลา 12.00 น.พบว่า ใน 20 จังหวัด มีลูกจ้างได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 664, 567 คน และสถานประกอบการได้รับผลกระทบ 14,254 แห่ง ในจำนวนนี้ เฉพาะในส่วนของจังหวัดปทุมธานีมีแรงงานได้รับผลกระทบ 220, 695 คน สถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบ 3,342 แห่งจากที่ จ.ปทุมธานี มีลูกจ้างทั้งหมด 406,940 คน สถานประกอบการทั้งหมด 10,982 แห่ง
อธิบดี กสร.กล่าวอีกว่า ขณะนี้นิคมอุตสาหกรรมนวนครใน จ.ปทุมธานี ถูกน้ำท่วมเต็มพื้นที่ไปแล้วมีลูกจ้างได้รับผลกระทบกว่า 1.75 แสนคน จากสถานประกอบการ 227 แห่ง ทำให้สถานประกอบการต้องหยุดกิจการชั่วคราวและลูกจ้างต้องหยุดงาน ส่วนนิคมอุตสาหกรรมที่ต้องเฝ้าระวังจะถูกน้ำเข้าท่วมในขณะนี้ คือ นิคมอุตสาหกรรมบางกระดี จ.ปทุมธานี ซึ่งมีลูกจ้างกว่า 1.2 หมื่นคน และสถานประกอบการ 44 แห่ง รวมทั้งนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ซึ่งมีลูกจ้าง 48,000 คน และสถานประกอบการ 203 แห่ง อย่างไรก็ตาม สถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 2 แห่งได้ปิดกิจการชั่วคราวและสั่งให้ลูกจ้างหยุดงานไปก่อนหน้านี้แล้ว
“ได้รับรายงานจากสวัสดิการฯปทุมธานี และ กทม.ว่า สถานประกอบการใน จ.ปทุมธานี ที่ถูกน้ำท่วมจำนวน 20% ของสถานประกอบการกลุ่มนี้จ่ายเงินเดือนให้ลูกจ้าง 100% ของเงินเดือนทั้งหมด และอีก 80% ของสถานประกอบการจ่ายเงินเดือนให้ลูกจ้าง 75% ส่วนสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังที่หยุดกิจการชั่วคราวได้จ่ายเงินเดือนให้ลูกจ้าง 100% อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์เบื้องต้นจะมีลูกจ้างที่เสี่ยงต่อการตกงานประมาณ 1 แสนคน เฉพาะในจังหวัดอยุธยา แต่ในส่วนของจังหวัดปทุมธานียังไม่สามารถประเมินได้ ทั้งนี้ จะต้องรอดูสถานการณ์น้ำอีก 5-6 วัน” อธิบดี กสร.กล่าว
นายอาทิตย์ กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนได้หารือกับตัวแทนบริษัท ecco ที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งถูกน้ำท่วมและตัวแทนสถานประกอบการใน จ.สมุทรปราการ ชลบุรี และ ฉะเชิงเทรา เกี่ยวกับโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนเพื่อจ้างงานชั่วคราวแรงงานในสถานประกอบการประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้มีตำแหน่งรองรับทั้งหมดกว่า 1.8 หมื่นอัตรา โดยบริษัท ecco ยินดีให้ลูกจ้างเข้าร่วมโครงการนี้จำนวน 3,800 คน แต่ก็กังวลว่าลูกจ้างของบริษัทที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะไม่กลับมาทำงานที่บริษัท ecco เช่นเดิม ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวบริษัท ecco จึงใช้วิธีลงนามความร่วมมือกับสถานประกอบการในจังหวัดต่างๆ เพื่อให้เป็นการจ้างชั่วคราวในระยะ 3 เดือนเท่านั้น
อธิบดี กสร.กล่าวต่อไปว่า การดำเนินโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนนั้น กสร.เป็นเพียงหน่วยงานกลางช่วยประสานงาน ส่วนข้อตกลงในการจ้างงานนั้นเป็นเรื่องที่สถานประกอบการที่ถูกน้ำท่วมและสถานประกอบการที่รับจ้างงานชั่วคราว จะต้องตกลงกันเองและลูกจ้างยินยอมในข้อตกลงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่สามารถเดินหน้าได้ เนื่องจากบริษัท ecco ยังไม่สามารถรวบรวมลูกจ้างที่เข้าร่วมโครงการไว้ได้เป็นกลุ่มเดียวเพื่อส่งต่อให้แก่สถานประกอบการในจังหวัดต่างๆเพราะสถานการณ์น้ำท่วมทำให้ลูกจ้างกระจัดกระจายกันไปอยู่ในพื้นที่ต่างๆ แต่จะใช้วิธีทยอยส่งลูกจ้างเป็นกลุ่มย่อยๆไปซึ่งคงจะรวบรวมลูกจ้างได้ในช่วงสิ้นเดือนต.ค.นี้ เนื่องจากมีการจ่ายเงินเดือน
“ส่วนเรื่องประกันสังคมนั้นลูกจ้างของบริษัท ecco ที่จะไปทำงานในสถานประกอบการในจังหวัดต่างๆเป็นการชั่วคราว ก็ส่งเงินสมทบประกันสังคมผ่านนายจ้างรายใหม่จนกว่าจะหมดระเวลาจ้างงานและสามารถใช้สิทธิการรักษาพยาบาลได้ทุกโรงพยาบาลซึ่งสำนักงานประกันสังคมได้ยืนยันในเรื่องนี้แล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมเน้นย้ำในที่ประชุมก็คือ ความปลอดภัยในการทำงานของลูกจ้าง หากลูกจ้างได้รับอันตรายจากการทำงาน ทางฝ่ายนายจ้างรายใหม่ จะต้องเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ” นายอาทิตย์ กล่าว
วันนี้ (19 ต.ค.) นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 19 ต.ค.เวลา 12.00 น.พบว่า ใน 20 จังหวัด มีลูกจ้างได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 664, 567 คน และสถานประกอบการได้รับผลกระทบ 14,254 แห่ง ในจำนวนนี้ เฉพาะในส่วนของจังหวัดปทุมธานีมีแรงงานได้รับผลกระทบ 220, 695 คน สถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบ 3,342 แห่งจากที่ จ.ปทุมธานี มีลูกจ้างทั้งหมด 406,940 คน สถานประกอบการทั้งหมด 10,982 แห่ง
อธิบดี กสร.กล่าวอีกว่า ขณะนี้นิคมอุตสาหกรรมนวนครใน จ.ปทุมธานี ถูกน้ำท่วมเต็มพื้นที่ไปแล้วมีลูกจ้างได้รับผลกระทบกว่า 1.75 แสนคน จากสถานประกอบการ 227 แห่ง ทำให้สถานประกอบการต้องหยุดกิจการชั่วคราวและลูกจ้างต้องหยุดงาน ส่วนนิคมอุตสาหกรรมที่ต้องเฝ้าระวังจะถูกน้ำเข้าท่วมในขณะนี้ คือ นิคมอุตสาหกรรมบางกระดี จ.ปทุมธานี ซึ่งมีลูกจ้างกว่า 1.2 หมื่นคน และสถานประกอบการ 44 แห่ง รวมทั้งนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ซึ่งมีลูกจ้าง 48,000 คน และสถานประกอบการ 203 แห่ง อย่างไรก็ตาม สถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 2 แห่งได้ปิดกิจการชั่วคราวและสั่งให้ลูกจ้างหยุดงานไปก่อนหน้านี้แล้ว
“ได้รับรายงานจากสวัสดิการฯปทุมธานี และ กทม.ว่า สถานประกอบการใน จ.ปทุมธานี ที่ถูกน้ำท่วมจำนวน 20% ของสถานประกอบการกลุ่มนี้จ่ายเงินเดือนให้ลูกจ้าง 100% ของเงินเดือนทั้งหมด และอีก 80% ของสถานประกอบการจ่ายเงินเดือนให้ลูกจ้าง 75% ส่วนสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังที่หยุดกิจการชั่วคราวได้จ่ายเงินเดือนให้ลูกจ้าง 100% อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์เบื้องต้นจะมีลูกจ้างที่เสี่ยงต่อการตกงานประมาณ 1 แสนคน เฉพาะในจังหวัดอยุธยา แต่ในส่วนของจังหวัดปทุมธานียังไม่สามารถประเมินได้ ทั้งนี้ จะต้องรอดูสถานการณ์น้ำอีก 5-6 วัน” อธิบดี กสร.กล่าว
นายอาทิตย์ กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนได้หารือกับตัวแทนบริษัท ecco ที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งถูกน้ำท่วมและตัวแทนสถานประกอบการใน จ.สมุทรปราการ ชลบุรี และ ฉะเชิงเทรา เกี่ยวกับโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนเพื่อจ้างงานชั่วคราวแรงงานในสถานประกอบการประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้มีตำแหน่งรองรับทั้งหมดกว่า 1.8 หมื่นอัตรา โดยบริษัท ecco ยินดีให้ลูกจ้างเข้าร่วมโครงการนี้จำนวน 3,800 คน แต่ก็กังวลว่าลูกจ้างของบริษัทที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะไม่กลับมาทำงานที่บริษัท ecco เช่นเดิม ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวบริษัท ecco จึงใช้วิธีลงนามความร่วมมือกับสถานประกอบการในจังหวัดต่างๆ เพื่อให้เป็นการจ้างชั่วคราวในระยะ 3 เดือนเท่านั้น
อธิบดี กสร.กล่าวต่อไปว่า การดำเนินโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนนั้น กสร.เป็นเพียงหน่วยงานกลางช่วยประสานงาน ส่วนข้อตกลงในการจ้างงานนั้นเป็นเรื่องที่สถานประกอบการที่ถูกน้ำท่วมและสถานประกอบการที่รับจ้างงานชั่วคราว จะต้องตกลงกันเองและลูกจ้างยินยอมในข้อตกลงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่สามารถเดินหน้าได้ เนื่องจากบริษัท ecco ยังไม่สามารถรวบรวมลูกจ้างที่เข้าร่วมโครงการไว้ได้เป็นกลุ่มเดียวเพื่อส่งต่อให้แก่สถานประกอบการในจังหวัดต่างๆเพราะสถานการณ์น้ำท่วมทำให้ลูกจ้างกระจัดกระจายกันไปอยู่ในพื้นที่ต่างๆ แต่จะใช้วิธีทยอยส่งลูกจ้างเป็นกลุ่มย่อยๆไปซึ่งคงจะรวบรวมลูกจ้างได้ในช่วงสิ้นเดือนต.ค.นี้ เนื่องจากมีการจ่ายเงินเดือน
“ส่วนเรื่องประกันสังคมนั้นลูกจ้างของบริษัท ecco ที่จะไปทำงานในสถานประกอบการในจังหวัดต่างๆเป็นการชั่วคราว ก็ส่งเงินสมทบประกันสังคมผ่านนายจ้างรายใหม่จนกว่าจะหมดระเวลาจ้างงานและสามารถใช้สิทธิการรักษาพยาบาลได้ทุกโรงพยาบาลซึ่งสำนักงานประกันสังคมได้ยืนยันในเรื่องนี้แล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมเน้นย้ำในที่ประชุมก็คือ ความปลอดภัยในการทำงานของลูกจ้าง หากลูกจ้างได้รับอันตรายจากการทำงาน ทางฝ่ายนายจ้างรายใหม่ จะต้องเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ” นายอาทิตย์ กล่าว