“สุขุมพันธุ์” สั่งอพยพประชาชน 200 ครัวเรือน นอกแนวคันกั้นน้ำคลองหกวา หลังระดับน้ำคลอง 2 เพิ่มขึ้น เร่งเสริมแนวกระสอบทรายเป็น 3.50 เมตร หนาขึ้นเป็น 3 แถว ปิดถนนเลียบคลอง ลั่นไม่ยอมให้ใครจมน้ำ ส่วนถุงกระดาษใส่ทรายหากต้องนำไปใช้จริงๆ ยินดีรับผิด ชี้หากรัฐบาลไม่สนใจ กทม.พร้อมช่วยตนเอง
วันนี้ (19 ต.ค.) เวลา 13.30 น.ที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณลัย 2 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และคณะผู้บริหารเดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกับอาสาสมัครที่มาช่วยกันบรรจุกระสอบทรายเพื่อนำไปสร้างคันกั้นน้ำริมคลองหกวา พร้อมกล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมได้กล่าวว่า จาก 3 ชั่วโมงที่แล้วระดับน้ำในคลอง 2 ได้เพิ่มสูงขึ้น 1 เซนติเมตร แต่ยังไม่เป็นปัญหา ทำให้ต้องเปิดประตูระบายน้ำที่คลอง2 เป็น 50 เซนติเมตร ซึ่งถือว่ากว้างมาก ถ้าเปิดมากกว่านี้อาจจะทำให้ประชาชนที่อยู่ในประตูระบายน้ำไม่ปลอดภัย สำหรับแนวคันกั้นน้ำคลองหกวาก็ได้เร่งเสริมความกว้างเป็น 3 แถว ซึ่งมีความจำเป็นต้องปิดถนน จึงได้ประสานไปที่สน.สายไหม และสำนักงานเขตให้ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนในพื้นที่ และจะเริ่มดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกันนั้น จะเพิ่มความสูงอีก 1 เมตร ให้เป็น 3.50 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง นอกจากนี้การยกระดับถนนที่ซอยสายไหม 85 ก็จะให้แล้วเสร็จภายในวันนี้เช่นกัน จากระดับน้ำในคลองหกวาที่สูงขึ้น ได้ขอให้ผู้อำนวยการเขตสายไหมไปทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำที่กทม.กำลังสร้างบริเวณริมคลองหกวาประมาณ 200 ครัวเรือนให้อพยพไปที่ศูนย์อพยพ คือ โรงเรียนฤทธิยะวรรรณลัย 2 และโรงเรียนสายไหม ซึ่งสามารถรองรับผู้อพยพได้กว่า 1,000 คน สำหรับประชาชนใน 7 เขตพื้นที่เสี่ยงที่ได้ประกาศเมื่อเช้านี้ ขอแนะนำให้เก็บข้าวของขึ้นที่สูง นำรถยนต์ไปจอดในที่ที่ปลอดภัย แต่ไม่ได้ประกาศให้อพยพ หากต้องมีการอพยพจะประกาศให้เตรียมตัวล่วงหน้าให้เร็วที่สุด
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า สำหรับคลองรพีพัฒน์ ที่มีปัญหาตอนนี้ ยังอยู่ไกลจากพื้นที่กทม.มาก แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้ประกาศเรียนให้ประชาชนทั้ง 7 เขต ทราบว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลง จากที่กทม.และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ประเมินว่า น่าจะมีปริมาณน้ำไหลลงสู่ทุ่งรังสิตประมาณ 1,200 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ว่าสามารถรับได้ 400 ลูกบาศก์เมตร ส่วนภารกิจที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัยเชื่อว่าจะเสร็จภายใน 48 ชั่วโมง ถ้าน้ำจะมาจริงๆ จะแจ้งให้ให้อาสาสมัครทราบ จะมีแค่เจ้าหน้าที่กทม.ที่เกี่ยวข้องอยู่เท่านั้น ถ้าเสี่ยงมากจริงๆ ก็จะเรียนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ จะไม่ยอมให้ใครจมน้ำ ส่วนน้ำในคลองสายหลัก เช่น คลองรังสิต-ประยูรศักดิ์ คลองหกวา ที่มีปริมาณน้ำมาก อาจจะส่งผลกระทบต่อกรุงเทพฯ กทม.ได้ประเมินตลอดเวลา น้ำที่ไหลมาทุ่งรังสิตก็จะมีการบริหารจัดการจากรัฐบาล เพราะมีระบบคลองมากมาย และมีการกระจายไปตามคลองต่างๆ
“ถุงกระดาษที่พบเมื่อวานนี้ ทีแรกนึกภาพว่ากระสอบทรายที่รัฐบาลให้มาต้องเป็นแบบของกทม. เมื่อเห็นเป็นถุงกระดาษผมก็ตกใจ คงต้องปรับความเข้าใจให้ตรงกัน แต่ก็ไม่เป็นไร เราจะเก็บไว้สำรองก่อน อาจจะทำเป็นแนวที่ 3 เมื่อใดที่นำไปใช้ผมก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งต้องมั่นใจด้วยว่าถ้านำไปใช้แล้วต้องมีคุณภาพ และถ้ารัฐบาลมีภารกิจที่อื่น ไม่สามารถแบ่งความสนใจมาที่เราได้ เราก็ต้องช่วยตัวเอง” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
วันนี้ (19 ต.ค.) เวลา 13.30 น.ที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณลัย 2 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และคณะผู้บริหารเดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกับอาสาสมัครที่มาช่วยกันบรรจุกระสอบทรายเพื่อนำไปสร้างคันกั้นน้ำริมคลองหกวา พร้อมกล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมได้กล่าวว่า จาก 3 ชั่วโมงที่แล้วระดับน้ำในคลอง 2 ได้เพิ่มสูงขึ้น 1 เซนติเมตร แต่ยังไม่เป็นปัญหา ทำให้ต้องเปิดประตูระบายน้ำที่คลอง2 เป็น 50 เซนติเมตร ซึ่งถือว่ากว้างมาก ถ้าเปิดมากกว่านี้อาจจะทำให้ประชาชนที่อยู่ในประตูระบายน้ำไม่ปลอดภัย สำหรับแนวคันกั้นน้ำคลองหกวาก็ได้เร่งเสริมความกว้างเป็น 3 แถว ซึ่งมีความจำเป็นต้องปิดถนน จึงได้ประสานไปที่สน.สายไหม และสำนักงานเขตให้ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนในพื้นที่ และจะเริ่มดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกันนั้น จะเพิ่มความสูงอีก 1 เมตร ให้เป็น 3.50 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง นอกจากนี้การยกระดับถนนที่ซอยสายไหม 85 ก็จะให้แล้วเสร็จภายในวันนี้เช่นกัน จากระดับน้ำในคลองหกวาที่สูงขึ้น ได้ขอให้ผู้อำนวยการเขตสายไหมไปทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำที่กทม.กำลังสร้างบริเวณริมคลองหกวาประมาณ 200 ครัวเรือนให้อพยพไปที่ศูนย์อพยพ คือ โรงเรียนฤทธิยะวรรรณลัย 2 และโรงเรียนสายไหม ซึ่งสามารถรองรับผู้อพยพได้กว่า 1,000 คน สำหรับประชาชนใน 7 เขตพื้นที่เสี่ยงที่ได้ประกาศเมื่อเช้านี้ ขอแนะนำให้เก็บข้าวของขึ้นที่สูง นำรถยนต์ไปจอดในที่ที่ปลอดภัย แต่ไม่ได้ประกาศให้อพยพ หากต้องมีการอพยพจะประกาศให้เตรียมตัวล่วงหน้าให้เร็วที่สุด
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า สำหรับคลองรพีพัฒน์ ที่มีปัญหาตอนนี้ ยังอยู่ไกลจากพื้นที่กทม.มาก แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้ประกาศเรียนให้ประชาชนทั้ง 7 เขต ทราบว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลง จากที่กทม.และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ประเมินว่า น่าจะมีปริมาณน้ำไหลลงสู่ทุ่งรังสิตประมาณ 1,200 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ว่าสามารถรับได้ 400 ลูกบาศก์เมตร ส่วนภารกิจที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัยเชื่อว่าจะเสร็จภายใน 48 ชั่วโมง ถ้าน้ำจะมาจริงๆ จะแจ้งให้ให้อาสาสมัครทราบ จะมีแค่เจ้าหน้าที่กทม.ที่เกี่ยวข้องอยู่เท่านั้น ถ้าเสี่ยงมากจริงๆ ก็จะเรียนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ จะไม่ยอมให้ใครจมน้ำ ส่วนน้ำในคลองสายหลัก เช่น คลองรังสิต-ประยูรศักดิ์ คลองหกวา ที่มีปริมาณน้ำมาก อาจจะส่งผลกระทบต่อกรุงเทพฯ กทม.ได้ประเมินตลอดเวลา น้ำที่ไหลมาทุ่งรังสิตก็จะมีการบริหารจัดการจากรัฐบาล เพราะมีระบบคลองมากมาย และมีการกระจายไปตามคลองต่างๆ
“ถุงกระดาษที่พบเมื่อวานนี้ ทีแรกนึกภาพว่ากระสอบทรายที่รัฐบาลให้มาต้องเป็นแบบของกทม. เมื่อเห็นเป็นถุงกระดาษผมก็ตกใจ คงต้องปรับความเข้าใจให้ตรงกัน แต่ก็ไม่เป็นไร เราจะเก็บไว้สำรองก่อน อาจจะทำเป็นแนวที่ 3 เมื่อใดที่นำไปใช้ผมก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งต้องมั่นใจด้วยว่าถ้านำไปใช้แล้วต้องมีคุณภาพ และถ้ารัฐบาลมีภารกิจที่อื่น ไม่สามารถแบ่งความสนใจมาที่เราได้ เราก็ต้องช่วยตัวเอง” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว