คุณวัตร ไพรภัทรกุล
ปัญหาความสะอาดของชายหาด ไม่ได้มีเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง แต่มีเหมือนกันทั่วโลก สาเหตุเกิดจากทั้งนักท่องเที่ยว ชุมชน รวมไปจนถึงภาคอุตสาหกรรม กิจกรรมทำความสะอาดชายฝั่งสากลจึงเกิดขึ้น โดยจัดพร้อมกันทั่วโลก ซึ่งในปีนี้ กลุ่มผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด 22 แห่ง และพันธมิตร ได้จัดงานนี้ขึ้นที่ชายหาดแม่รำพึง จ.ระยอง ในวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา
นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนเข้ามาถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการดำเนินการต่างๆ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดจะพัฒนาเรื่องขยะแบบครบวงจร จากเดิมที่ทำการฝังกลบ มาทำการเผาเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า และทำปุ๋ย โดยอยากให้ทางรัฐสนับสนุนงบประมาณ เพราะงบของทางจังหวัดไม่พอ และอยากให้รัฐให้ความสำคัญกับจังหวัดระยอง เพราะที่นี่ถือเป็นจังหวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งในการทำรายได้เข้าประเทศ พร้อมทั้งทางจังหวัดจะเน้นในเรื่องการสร้างจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น
“ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ จ.ระยอง มีทั้งจาก ภาคเกษตร ภาคชุมชน และ ภาคอุตสาหกรรม โดยจากชุมชนมีทั้งขยะและของเสียต่างๆ ที่ทิ้งลงลำคลองและไหลลงสู่ทะเล ปัญหาจากภาคเกษตร มีทั้งสารเคมีที่ใช้ เช่น ยาฆ่าแมลงและเศษไม้ต่างๆ ส่วนภาคอุตสาหกรรม เช่น โรงงานที่เก็บสารพิษ ทางจังหวัด และกรมโรงงานได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับจำนวน 2 แสนบาท และดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา โดยช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินการกับโรงงานเหล่านี้แล้ว จำนวน 4 แห่ง เพื่อให้มีการปรับปรุง ซึ่งส่วนมากเป็นโรงงานร้างที่ได้เลิกกิจการไปแล้ว แต่ไม่ได้เข้ามาจัดการกับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในโรงงาน”ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองกล่าว
นายวรพงศ์ วรสุนทโรสถ ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทได้พยายามคิดค้นกระบวนการผลิตพลาสติกด้วยวิธีใหม่ๆ ที่ใช้ทรัพยากรและพลังงานน้อยลง อย่างเทคโนโลยี HPPO ที่กำลังก่อสร้างโรงงานโพรไพลีนออกไซด์ เพื่อรองรับเทคโนโลยีนี้ โดยถ้าสร้างเสร็จจะเป็นโรงงานแห่งที่ 2 ของโลกที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ซึ่งจะใช้น้ำในกระบวนการผลิตน้อยลงถึง 50% และเหลือกากน้อยลง
“สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องทำควบคู่ไปกับกระบวนการรีไซเคิล และการใช้ซ้ำ เพราะปัจจุบันเราใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสารเคมีทั้งนั้น แม้การผลิตผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติจะมีข้อดี แต่กระบวนการผลิตนั้นต้องใช้ต้นทุนที่แพง ซึ่งผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีราคาถูก ดังนั้น เราจึงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีผลเสียต่อธรรมชาติให้น้อยที่สุดและคุ้มค่าที่สุด โดยคำนึงถึง 2 อย่าง คือ ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายง่ายเพื่อลดของเสียให้กับโลกให้มากที่สุดและต้องมีความทนทานเพื่อจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ช่วยลดการผลิตไปในตัว” นายวรพงศ์ กล่าว
ด้าน Mr.Joe Hoinkis ประธานบริหารบริษัท HMC Polymers กล่าวว่า การรักษาสิ่งแวดล้อมของจังหวัดระยองจากอดีตถึงปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เพราะชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลและตรวจสอบโรงงานที่อยู่ใกล้กับชุมชนนั้นๆ อย่างเป็นระบบ อย่างโรงงานของ HMC ได้ตั้งขึ้นมากว่า 20 ปีแล้ว ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยมีอยู่ 33 ชุมชน ที่คอยเฝ้าระวังมลพิษจากโรงงาน ทาง HMC จึงได้มีการจัดโครงการเปิดบ้านปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้ชุมชนรอบๆ เข้ามาตรวจสอบในโรงงานทั้งห้องควบคุมและรอบๆ โรงงานได้ รวมถึงทำการพูดคุยทำความเข้าใจกับชุมชนเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อให้ทราบว่าเรากำลังทำอะไรอยู่
ทั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทำความสะอาดหาดแม่รำพึงกว่า 2,600 คน จากองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนช่วยกันเก็บขยะเป็นระยะทางกว่า 17.5 กิโลเมตร โดยสามารถเก็บขยะได้มากกว่า 8 ตัน เพื่อในทางปฏิบัติจะทำให้ชายหาดสะอาดขึ้น รวมถึงทางทัศนคติที่จะทำให้เกิดจิตสำนึกร่วมกัน ทั้งในส่วนของผู้ที่เป็นต้นเหตุ ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ รวมไปถึงทุกๆ คนที่อยู่บนโลกนี้
ปัญหาความสะอาดของชายหาด ไม่ได้มีเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง แต่มีเหมือนกันทั่วโลก สาเหตุเกิดจากทั้งนักท่องเที่ยว ชุมชน รวมไปจนถึงภาคอุตสาหกรรม กิจกรรมทำความสะอาดชายฝั่งสากลจึงเกิดขึ้น โดยจัดพร้อมกันทั่วโลก ซึ่งในปีนี้ กลุ่มผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด 22 แห่ง และพันธมิตร ได้จัดงานนี้ขึ้นที่ชายหาดแม่รำพึง จ.ระยอง ในวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา
นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนเข้ามาถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการดำเนินการต่างๆ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดจะพัฒนาเรื่องขยะแบบครบวงจร จากเดิมที่ทำการฝังกลบ มาทำการเผาเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า และทำปุ๋ย โดยอยากให้ทางรัฐสนับสนุนงบประมาณ เพราะงบของทางจังหวัดไม่พอ และอยากให้รัฐให้ความสำคัญกับจังหวัดระยอง เพราะที่นี่ถือเป็นจังหวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งในการทำรายได้เข้าประเทศ พร้อมทั้งทางจังหวัดจะเน้นในเรื่องการสร้างจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น
“ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ จ.ระยอง มีทั้งจาก ภาคเกษตร ภาคชุมชน และ ภาคอุตสาหกรรม โดยจากชุมชนมีทั้งขยะและของเสียต่างๆ ที่ทิ้งลงลำคลองและไหลลงสู่ทะเล ปัญหาจากภาคเกษตร มีทั้งสารเคมีที่ใช้ เช่น ยาฆ่าแมลงและเศษไม้ต่างๆ ส่วนภาคอุตสาหกรรม เช่น โรงงานที่เก็บสารพิษ ทางจังหวัด และกรมโรงงานได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับจำนวน 2 แสนบาท และดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา โดยช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินการกับโรงงานเหล่านี้แล้ว จำนวน 4 แห่ง เพื่อให้มีการปรับปรุง ซึ่งส่วนมากเป็นโรงงานร้างที่ได้เลิกกิจการไปแล้ว แต่ไม่ได้เข้ามาจัดการกับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในโรงงาน”ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองกล่าว
นายวรพงศ์ วรสุนทโรสถ ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทได้พยายามคิดค้นกระบวนการผลิตพลาสติกด้วยวิธีใหม่ๆ ที่ใช้ทรัพยากรและพลังงานน้อยลง อย่างเทคโนโลยี HPPO ที่กำลังก่อสร้างโรงงานโพรไพลีนออกไซด์ เพื่อรองรับเทคโนโลยีนี้ โดยถ้าสร้างเสร็จจะเป็นโรงงานแห่งที่ 2 ของโลกที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ซึ่งจะใช้น้ำในกระบวนการผลิตน้อยลงถึง 50% และเหลือกากน้อยลง
“สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องทำควบคู่ไปกับกระบวนการรีไซเคิล และการใช้ซ้ำ เพราะปัจจุบันเราใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสารเคมีทั้งนั้น แม้การผลิตผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติจะมีข้อดี แต่กระบวนการผลิตนั้นต้องใช้ต้นทุนที่แพง ซึ่งผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีราคาถูก ดังนั้น เราจึงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีผลเสียต่อธรรมชาติให้น้อยที่สุดและคุ้มค่าที่สุด โดยคำนึงถึง 2 อย่าง คือ ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายง่ายเพื่อลดของเสียให้กับโลกให้มากที่สุดและต้องมีความทนทานเพื่อจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ช่วยลดการผลิตไปในตัว” นายวรพงศ์ กล่าว
ด้าน Mr.Joe Hoinkis ประธานบริหารบริษัท HMC Polymers กล่าวว่า การรักษาสิ่งแวดล้อมของจังหวัดระยองจากอดีตถึงปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เพราะชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลและตรวจสอบโรงงานที่อยู่ใกล้กับชุมชนนั้นๆ อย่างเป็นระบบ อย่างโรงงานของ HMC ได้ตั้งขึ้นมากว่า 20 ปีแล้ว ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยมีอยู่ 33 ชุมชน ที่คอยเฝ้าระวังมลพิษจากโรงงาน ทาง HMC จึงได้มีการจัดโครงการเปิดบ้านปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้ชุมชนรอบๆ เข้ามาตรวจสอบในโรงงานทั้งห้องควบคุมและรอบๆ โรงงานได้ รวมถึงทำการพูดคุยทำความเข้าใจกับชุมชนเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อให้ทราบว่าเรากำลังทำอะไรอยู่
ทั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทำความสะอาดหาดแม่รำพึงกว่า 2,600 คน จากองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนช่วยกันเก็บขยะเป็นระยะทางกว่า 17.5 กิโลเมตร โดยสามารถเก็บขยะได้มากกว่า 8 ตัน เพื่อในทางปฏิบัติจะทำให้ชายหาดสะอาดขึ้น รวมถึงทางทัศนคติที่จะทำให้เกิดจิตสำนึกร่วมกัน ทั้งในส่วนของผู้ที่เป็นต้นเหตุ ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ รวมไปถึงทุกๆ คนที่อยู่บนโลกนี้
