พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยแบบพระเมรุ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยสำนักพระราชวังได้แจ้งกำหนดพระราชเพลิงพระศพ ในวันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2555
วันนี้ (17 ก.ย.) นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกรมศิลปากร ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย แบบพระเมรุ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยสำนักพระราชวังได้แจ้งกำหนดพระราชเพลิงพระศพ ในวันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2555
ทั้งนี้ ในส่วนของ วธ.จะมีการแถลงข่าวรายละเอียดพระเมรุทั้งหมด และแผนงานการก่อสร้างพระเมรุในวันที่ 22 ก.ย.เวลา 13.30 น.ที่ทำการกระทรวงวัฒนธรรม หลังจากตนจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมหารือการจัดสร้างพระเมรุอีกครั้ง ส่วนบูรณะราชรถ ราชยาน นั้น ในเร็วๆ นี้ จะมีพิธีบวงสรวง บริเวณโรงราชรถ และจะให้กรมสรรพาวุธทหารบก และสำนักช่างสิบหมู เข้ามาดำเนินการบูรณะราชรถราชยานทันที อย่างไรก็ตาม การทำงานในครั้ง วธ.จะดำเนินการให้สมพระเกียรติที่สุด และจะดำเนินการก่อสร้างพระเมรุได้ทันตามกำหนดการพระราชทานเพลิงพระศพอย่างแน่นอน โดยจะใช้ระยะเวลา 4 เดือน
พล.อ.ต.อาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะผู้ออกแบบพระเมรุและอาคารประกอบพิธีงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กล่าวว่า สำหรับแบบของพระเมรุสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี นั้น จะเป็นทรงยอดปราสาท มีลักษณะคล้ายกับพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนรินทร์ แต่จะมีขนาดเล็กกว่า และจะมีลักษณะลวดลายภายในพระเมรุคล้ายกันด้วย ส่วนการก่อสร้างพระเมรุในเบื้องต้นมีการขยายแบบใช้สถานที่ที่โรงละครเล็ก ภายในโรงละครแห่งชาติและมีการจัดสร้างองค์ประกอบของพระเมรุควบคู่ไปด้วย ภายหลังจากวันที่ 15 ธ.ค.นี้ จะมีพิธีบวงสรวง และหลังพิธีบวงสรวง กรมศิลปากร จะนำองค์ประกอบของพระเมรุทั้งหมดไปประกอบติดตั้งบริเวณท้องสนามหลวง
กระบวนการต่างๆ ขณะนี้ทั้งเรื่องของเสาเข็ม องค์ประกอบของพระเมรุได้ดำเนินการจัดเตรียม พร้อมที่จะประกอบได้ทันที ที่ผ่านมา การก่อสร้างพระเมรุ จะไปทำที่ท้องสนามหลวงทั้งหมด แต่ครั้งนี้มีความแตกต่างจะทำข้างนอกก่อนแล้วนำเข้าไปประกอบที่หลัง ถือเป็นครั้งแรกที่มีการทำในรูปแบบนี้ ส่วนการจัดหาผ้าทองย่นเพื่อใช้ในการประดับลวดลายพระเมรุนั้น จะใช้เหมือนกับงานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ นำมาจากประเทศจีน ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับเป็นธุระจัดหาผ้าทองย่นในครั้งนี้ ส่วนเครื่องประกอบพระเมรุอื่นๆ อาทิ เทวดา สัตว์หิมพานต์ ยังคงใช้ของสมเด็จพระพี่นางฯ บางส่วนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยอาจจะมีการลดขนาดให้เล็กลง อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบพระเมรุจะต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง ว่า จะต้องมีส่วนใดเพิ่มเติมบ้าง” พล.อ.ต.อาวุธ กล่าว
