ประธาน ทปอ.ยันเลื่อนเปิดปิดการศึกษาไม่ดำเนินการปี 55 แน่นอน ขอให้สบายใจ ย้ำ หากทำจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมตัวให้ดีก่อน เผย จะนำประเด็นนี้หารือในเวที ทปอ.อาเซียน คาดหากดำเนินการจริงอาจต้องทำในนามรัฐบาลให้ รมว.ศธ.10 ประเทศ ลงนามร่วมกัน
ศ.ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งเห็น ด้วย และไม่เห็นด้วยกับมติ ทปอ.ที่ให้เลื่อนวันเปิดปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยให้ตรงกับอาเซียน เพื่อรองรับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 ว่า เข้าใจดีว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งหากดำเนินการจริงจะกระทบสังคมวงกว้าง โดยเฉพาะการศึกษาทุกระดับ อย่างไรก็ตาม ตนจึงอยากยืนยันเพื่อให้ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษาสบายใจ ว่า การเปลี่ยนเวลาเปิดปิดภาคเรียนนั้นจะไม่ดำเนินการในปีการศึกษา 2555 อย่างแน่นอน เพราะ ทปอ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเตรียมการอย่างดีก่อน โดยตนจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือร่วมกันในที่ประชุม ทปอ.อาเซียน ที่จะจัดขึ้นในเดือน ต.ค.นี้ ที่ประเทศอินโดนีเซีย และเนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น หากมีการดำเนินการอาจต้องทำในนามรัฐบาล คือ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ของทั้ง 10 ประเทศเป็นผู้ลงนามร่วมกัน
“ส่วนเรื่องเวลาการเปิดปิดภาคเรียนที่เหมาะสมที่จะปรับเปลี่ยนให้ตรงกันนั้น เราอาจจะต้องปรับไปตรงกับมาเลเซีย หรือประเทศอื่นๆ หรืออาจเป็นประเทศอื่นที่ปรับมาให้ตรงกับเรา ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องไปหารือกัน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะหาแนวร่วม 5 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย มาทำการตกลงกันและเป็นแกนหลักทำเรื่องนี้ เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดความร่วมมือเป็นเอกภาพ” ประธาน ทปอ.กล่าวและว่า ทั้งนี้ กรณีการเลื่อนเวลาเปิดปิดภาคเรียนเป็นเพียง 1 ใน 4 นโยบาย ที่เป็นความตั้งใจของ ทปอ.ในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558 ประกอบด้วย การหารือนโยบายเรื่อง อาเซียนสตัดดี (Asean Study) เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม ศาสนา ของชาติต่างๆ ในประชาคมอาเซียน การหารือนโยบายเครดิต สเตชัน ทรานส์เฟอร์ (Credit Station Transfer) เพื่อให้ครูและนักเรียน นักศึกษา สามารถเทียบวิทยฐานะและโอนหน่วยกิตระหว่างประเทศสมาชิกด้วยกันได้ นอกจากนี้ ทปอ.ยังหารือเรื่องการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือทางเทคโนโลยีกับอุบัติภัยร่วมกัน สืบเนื่องจากกรณีพิบัติภัยสึนามิที่เกิดขึ้นในประเทศไทยและพื้นที่ต่างๆ ในภูมิภาค และสุดท้าย คือ การหารือเรื่องการปรับช่วงเวลาเปิดปิดภาคเรียนในแต่ละเทอมให้ตรงกันในหมู่ประเทศสมาชิก
