สธ.เผยผลสำรวจเอชไอวีพุ่ง กลุ่มพนักงานบริการทางเพศ โดยเฉพาะกลุ่มต่ำกว่า 20 ปี เพิ่ม 3 เท่าตัว หญิงบริการทางเพศแอบแฝงติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว ส่วนใหญ่มักใช้วิธีการติดต่อกันทางเว็ปไซต์ก่อนมีเซ็กส์ แนะกลุ่มที่เคยมีพฤติกรรมเสี่ยงติดเชื้อ เข้ารับบริการปรึกษาและตรวจเลือดได้ฟรี ที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่ง
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้สภาพสังคมเศรษฐกิจของประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป และส่งผลกระทบต่อปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีจากพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ทำการเฝ้าระวังสถานการณ์การติดเชื้อเอ็ชไอวีในกลุ่มประชากรต่างๆ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2533 เป็นต้นมา เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของปัญหาและพัฒนาแนวทางและมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ทั้งในระดับจังหวัด ระดับเขตและระดับประเทศ
ผลการเฝ้าระวังล่าสุดในกลางปี 2553 ในประชากร 8 กลุ่มในทุกจังหวัด ได้แก่ กลุ่มโลหิตบริจาค กลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด กลุ่มหญิงฝากครรภ์ กลุ่มผู้ชายที่รักษากามโรค กลุ่มหญิงบริการทางเพศทั้งชนิดตรงกับแอบแฝง กลุ่มชายบริการทางเพศ กลุ่มชาวประมง และกลุ่มแรงงานต่างชาติ รวมทั้งหมด 134,161 ตัวอย่าง พบว่ากลุ่มที่มีแนวโน้มติดเชื้อเอชไอวีสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง ได้แก่ กลุ่มพนักงานบริการทางเพศทั้งชายและหญิง และกลุ่มชาวประมง
นพ.สุพรรณ กล่าวต่อว่า ในกลุ่มชายบริการทางเพศ มีการติดเชื้อสูงกว่าปี 2552 ประมาณ 1 เท่าตัว โดยพบอัตราการติดเชื้อเอชไอวีเฉลี่ยร้อยละ 21 ซึ่งกล่าวได้ว่า ในกลุ่มผู้ที่ให้บริการทางเพศในทุก 5 คน จะพบผู้ติดเชื้อได้ 1 คน โดยกลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปี ติดเชื้อสูงสุด พบร้อยละ 15 เพิ่มขึ้นกว่าปี 2552 ถึง 3 เท่าตัว ในกลุ่มหญิงบริการทางเพศ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทคือแบบแอบแฝงมีอัตราติดเชื้อร้อยละ 2.05 จังหวัดที่มีอัตราการติดเชื้อสูงสุดคือระนอง ร้อยละ 15 และกรุงเทพฯ ร้อยละ 10.88 โดยทั้งกลุ่มชายบริการและหญิงบริการทางเพศแอบแฝง มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น รูปแบบการให้บริการมีความหลากหลาย เช่นมีการติดต่อทางเว็ปไซต์มีรูปโชว์พร้อมเบอร์โทรศัพท์ และนัดเจอกันภายหลัง หรือลักลอบให้บริการตามผับ คาราโอเกะ ส่วนประเภทหญิงบริการทางตรงมีแนวโน้มลดลง กลุ่มนี้มีพบติดเชื้อร้อยละ 2.82 จังหวัดลำปาง มีอัตราการติดเชื้อสูงสุดร้อยละ 15.66 รองลงมา คือ สมุทรสาคร ร้อยละ 15 และ ยโสธร ร้อยละ 11
ส่วนกลุ่มชาวประมง มีอัตราการติดเชื้อร้อยละ 2.52 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ประมาณ 2 เท่าตัว ชี้ให้เห็นว่า ประชากรกลุ่มนี้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยสูงขึ้น และการติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรกนั้นจะไม่มีอาการแสดง ยังคงความสวยความหล่อตามปกติ หากมีเพศสัมพันธ์กัน คนกลุ่มนี้สามารถถ่ายทอดเชื้อสู่คู่นอนได้หากไม่มีการใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน
นายแพทย์ สุพรรณ กล่าวย้ำว่า ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ทั้งกับคู่นอนชั่วคราว และคู่นอนประจำ เพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี และขอเชิญชวนให้ผู้ที่เคยมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ขอรับบริการปรึกษาและตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีได้ฟรีปีละ 2 ครั้งได้ที่โรงพยาบาลของรัฐบาลทุกแห่ง เพื่อจะได้เข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
นพ.สุพรรณ กล่าวว่า ปัญหาหลักของการติดเชื้อเอชไอวีของประเทศไทย ติดจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูลในกลุ่มผู้ป่วยโรคเอดส์ที่มีสะสมตั้งแต่พ.ศ. 2527 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2554 พบผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีอาการป่วยเป็นโรคเอดส์รวมทั้งหมด 372,874 ราย เสียชีวิตแล้ว 98,153 ราย โดยร้อยละ 84 ติดเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน ร้อยละ 75 ของผู้ป่วยโรคเอดส์อายุระหว่าง 20-44 ปี อาชีพรับจ้างมากที่สุดร้อยละ 45 เป็นแม่บ้านร้อยละ 4