พม.ลุยขับเคลื่อนระบบสวัสดิการสังคม หนุน 5 จังหวัดนำร่อง เชียงใหม่-ลำพูน-อุบลฯ-สุรินทร์-ศรีสะเกษ ระดมเงินเข้ากองทุนจังหวัด จังหวัดละ 5 แสน เหตุไม่ได้รับงบประมาณเพียงพอ ส่งผลต่อการส่งเสริมสวัสดิการสังคมของจังหวัดในบางพื้นที่ โดยหวังให้สามารถพึ่งตนเองได้ในระยะยาว
นางนภา เศรษฐกร รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ.2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายในการจัดสวัสดิการสังคมตามกฎหมาย ให้แก่องค์การสวัสดิการสังคม รวมทั้งการให้บริการด้านสวัสดิการสังคมแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย โดยแบ่งเป็นกองทุนระบบปกติ ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมขององค์การสวัสดิการสังคม ที่จัดทำโครงการเพื่อขอสนับสนุนเงินกองทุน โดยมีคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการที่ขอรับการสนับสนุน
ส่วนรูปแบบที่สองเป็นการดำเนินงานกองทุนในระบบการกระจายกองทุนไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น ซึ่งเป็นการกระจายอำนาจ เน้นการมีส่วนร่วม และการพึ่งตนเอง รวมทั้งเสริมความเข้มแข็งขององค์การสวัสดิการสังคม ให้สามารถคิดริเริ่มนวัตกรรมใหม่ๆ ในการตอบสนองการจัดสวัสดิการสังคมของประเทศและของพื้นที่ โดยใช้กองทุนฯเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2551
นางนภา กล่าวต่อว่า ในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบสวัสดิการสังคม โดยกำหนดนโยบายให้สังคมไทยเป็นสังคมสวัสดิการและให้มีการจัดสวัสดิการถ้วนหน้า ภายในปี 2559 รวมทั้งการจัดกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ซึ่งสนับสนุนให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรอื่นๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดสวัสดิการสังคม และเป็นกลไกสำคัญในการดูแลกลุ่มเป้าหมายและผู้ด้อยโอกาสในสังคม แต่อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินงานที่ผ่านมา จากสถานการณ์การเงินการคลังของประเทศ ทำให้กองทุนไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณที่มากพอที่จะสามารถสนับสนุนการจัดสวัสดิการสังคมได้ครบทุกพื้นที่ และในบางจังหวัดยังขาดการใช้กองทุนเป็นเครื่องมือในการระดมความร่วมมือ
โดยสถิติกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมจากเดิมที่เคยได้รับจาก 450 ล้านบาท ในปี 2551 ลดลงเหลือ 100 ล้านบาท ในปี 2552 และปี 2553 ไม่ได้รับงบประมาณ ทำให้วงเงินที่กระจายลงจังหวัดได้รับลดน้อยลงตามไปด้วย ดังนั้น เพื่อให้กองทุนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ตามแผนปีงบประมาณ 2554 คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ จึงอนุมัติให้ดำเนินโครงการ“ขอรับการบริจาคและสมทบในการดำเนินงานของกองทุน”เพื่อส่งเสริมจังหวัดต้นแบบในการรณรงค์หาทุนมาใช้จ่ายในการดำเนินงานกองทุน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน อุบลราชธานี สุรินทร์และศรีสะเกษ จังหวัดละ 500,000 บาท รวม 2,500,000 บาท เพื่อให้คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนจังหวัดดำเนินการระดมทุนและจัดหาทุน ให้กองทุนสามารถพึ่งพิงตนเองได้
ทั้งนี้ กระทรวงได้จัดให้มีการอบรมให้ความรู้แก่คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนจังหวัด ในเรื่องการระดมทุน การจัดกิจกรรมรณรงค์หาทุน และให้ภาคส่วนต่างๆ ในสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการบริจาคเงินเข้ากองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมของจังหวัดต่อไป
นางนภา เศรษฐกร รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ.2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายในการจัดสวัสดิการสังคมตามกฎหมาย ให้แก่องค์การสวัสดิการสังคม รวมทั้งการให้บริการด้านสวัสดิการสังคมแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย โดยแบ่งเป็นกองทุนระบบปกติ ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมขององค์การสวัสดิการสังคม ที่จัดทำโครงการเพื่อขอสนับสนุนเงินกองทุน โดยมีคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ และคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการที่ขอรับการสนับสนุน
ส่วนรูปแบบที่สองเป็นการดำเนินงานกองทุนในระบบการกระจายกองทุนไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น ซึ่งเป็นการกระจายอำนาจ เน้นการมีส่วนร่วม และการพึ่งตนเอง รวมทั้งเสริมความเข้มแข็งขององค์การสวัสดิการสังคม ให้สามารถคิดริเริ่มนวัตกรรมใหม่ๆ ในการตอบสนองการจัดสวัสดิการสังคมของประเทศและของพื้นที่ โดยใช้กองทุนฯเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2551
นางนภา กล่าวต่อว่า ในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบสวัสดิการสังคม โดยกำหนดนโยบายให้สังคมไทยเป็นสังคมสวัสดิการและให้มีการจัดสวัสดิการถ้วนหน้า ภายในปี 2559 รวมทั้งการจัดกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ซึ่งสนับสนุนให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรอื่นๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดสวัสดิการสังคม และเป็นกลไกสำคัญในการดูแลกลุ่มเป้าหมายและผู้ด้อยโอกาสในสังคม แต่อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินงานที่ผ่านมา จากสถานการณ์การเงินการคลังของประเทศ ทำให้กองทุนไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณที่มากพอที่จะสามารถสนับสนุนการจัดสวัสดิการสังคมได้ครบทุกพื้นที่ และในบางจังหวัดยังขาดการใช้กองทุนเป็นเครื่องมือในการระดมความร่วมมือ
โดยสถิติกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมจากเดิมที่เคยได้รับจาก 450 ล้านบาท ในปี 2551 ลดลงเหลือ 100 ล้านบาท ในปี 2552 และปี 2553 ไม่ได้รับงบประมาณ ทำให้วงเงินที่กระจายลงจังหวัดได้รับลดน้อยลงตามไปด้วย ดังนั้น เพื่อให้กองทุนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ตามแผนปีงบประมาณ 2554 คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ จึงอนุมัติให้ดำเนินโครงการ“ขอรับการบริจาคและสมทบในการดำเนินงานของกองทุน”เพื่อส่งเสริมจังหวัดต้นแบบในการรณรงค์หาทุนมาใช้จ่ายในการดำเนินงานกองทุน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน อุบลราชธานี สุรินทร์และศรีสะเกษ จังหวัดละ 500,000 บาท รวม 2,500,000 บาท เพื่อให้คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนจังหวัดดำเนินการระดมทุนและจัดหาทุน ให้กองทุนสามารถพึ่งพิงตนเองได้
ทั้งนี้ กระทรวงได้จัดให้มีการอบรมให้ความรู้แก่คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนจังหวัด ในเรื่องการระดมทุน การจัดกิจกรรมรณรงค์หาทุน และให้ภาคส่วนต่างๆ ในสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการบริจาคเงินเข้ากองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมของจังหวัดต่อไป
