“ชินภัทร” แจงส่วนกลางไม่ได้รวมอำนาจย้ายผู้บริหาร ย้ำ ต้องการคัดผู้บริหารที่เหมาะสมกับร.ร.ลักษณะพิเศษ เผยคัดเลือกกลุ่ม ร.ร.ไว้แล้ว 40 โรง
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้เสนอให้การพิจารณาเกณฑ์การโยกย้ายผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา ต้องให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พิจารณาก่อนจากเดิมที่เป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการ ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณา ว่า ความเป็นมาของเรื่องดังกล่าวนั้นมาจากที่ สพฐ.มีโรงเรียนลักษณะพิเศษอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งหมายถึงกลุ่มโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ โรงเรียนเฉพาะทางดนตรี โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง ฯลฯ จึงเล็งเห็นว่าการคัดเลือกผู้บริหารของโรงเรียนกลุ่มพิเศษนี้จำเป็นต้องคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถ มีประสบการณ์โดดเด่น เพราะถ้าใช้วิธีการทั่วไปที่ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนแสดงความประสงค์จะเข้ามาบริหารก็อาจจะได้ผู้บริหารที่มีความสามารถไม่เหมาะสมกับโรงเรียนกลุ่มพิเศษนี้
“ความจริงแล้ว สพฐ.ไม่ได้จะรวมอำนาจมาอยู่ที่ส่วนกลาง เพียงแต่เฉพาะกลุ่มพิเศษนั้นเห็นว่าน่าจะให้คณะกรรมการกลั่นกรองย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สพฐ.กลั่นกรองหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งจากนั้นคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ก็จะส่งรายชื่อไปให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษานั้นๆ เป็นผู้ชี้ขาดซึ่ง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯอาจจะไม่เห็นชอบตามที่ เสนอก็ได้ และอาจจะส่งมาให้พิจารณาใหม่ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นยืนยัน สพฐ.ไม่ได้รวมอำนาจสู่ส่วนกลางแน่นอน” นายชินภัทร กล่าว
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สพฐ.ร่วมจะคัดเลือกผู้บริหารของโรงเรียนกลุ่มลักษณะพิเศษเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่จำนวน 200-300 โรง โดยเบื้องต้น คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ได้คัดเลือกโรงเรียนลักษณะพิเศษ ไว้แล้ว 40 โรง เช่น โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย โรงเรียนกาญจนาภิเษก โรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์ของการเทิดพระเกียรติ ขณะเดียวกันก็จะคัดเลือกโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงและมีลักษณะพิเศษ 4 ภูมิภาคๆ ละ 1 โรง นอกนั้นเป็นโรงเรียนระดับพรีเมียมในกรุงเทพฯ ประมาณ 7-8 โรง เช่น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เป็นต้น และได้นำรายชื่อเสนอเข้าสู่คณะอนุกรรมการชุดที่มี นายสุขุม เฉลยทรัยพ์ ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เป็นประธาน ก่อนจะเสนอให้สู่ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาว่าให้ความเห็นชอบทั้ง 40 โรงหรือไม่ ทั้งนี้ ในจำนวนนี้รวมโรงเรียนระดับประถมศึกษาที่จัดอยู่ในกลุ่มพิเศษด้วย 4 โรง
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้เสนอให้การพิจารณาเกณฑ์การโยกย้ายผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา ต้องให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พิจารณาก่อนจากเดิมที่เป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการ ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณา ว่า ความเป็นมาของเรื่องดังกล่าวนั้นมาจากที่ สพฐ.มีโรงเรียนลักษณะพิเศษอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งหมายถึงกลุ่มโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ โรงเรียนเฉพาะทางดนตรี โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง ฯลฯ จึงเล็งเห็นว่าการคัดเลือกผู้บริหารของโรงเรียนกลุ่มพิเศษนี้จำเป็นต้องคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถ มีประสบการณ์โดดเด่น เพราะถ้าใช้วิธีการทั่วไปที่ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนแสดงความประสงค์จะเข้ามาบริหารก็อาจจะได้ผู้บริหารที่มีความสามารถไม่เหมาะสมกับโรงเรียนกลุ่มพิเศษนี้
“ความจริงแล้ว สพฐ.ไม่ได้จะรวมอำนาจมาอยู่ที่ส่วนกลาง เพียงแต่เฉพาะกลุ่มพิเศษนั้นเห็นว่าน่าจะให้คณะกรรมการกลั่นกรองย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สพฐ.กลั่นกรองหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งจากนั้นคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ก็จะส่งรายชื่อไปให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษานั้นๆ เป็นผู้ชี้ขาดซึ่ง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯอาจจะไม่เห็นชอบตามที่ เสนอก็ได้ และอาจจะส่งมาให้พิจารณาใหม่ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นยืนยัน สพฐ.ไม่ได้รวมอำนาจสู่ส่วนกลางแน่นอน” นายชินภัทร กล่าว
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สพฐ.ร่วมจะคัดเลือกผู้บริหารของโรงเรียนกลุ่มลักษณะพิเศษเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่จำนวน 200-300 โรง โดยเบื้องต้น คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ได้คัดเลือกโรงเรียนลักษณะพิเศษ ไว้แล้ว 40 โรง เช่น โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย โรงเรียนกาญจนาภิเษก โรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์ของการเทิดพระเกียรติ ขณะเดียวกันก็จะคัดเลือกโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงและมีลักษณะพิเศษ 4 ภูมิภาคๆ ละ 1 โรง นอกนั้นเป็นโรงเรียนระดับพรีเมียมในกรุงเทพฯ ประมาณ 7-8 โรง เช่น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เป็นต้น และได้นำรายชื่อเสนอเข้าสู่คณะอนุกรรมการชุดที่มี นายสุขุม เฉลยทรัยพ์ ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เป็นประธาน ก่อนจะเสนอให้สู่ที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาว่าให้ความเห็นชอบทั้ง 40 โรงหรือไม่ ทั้งนี้ ในจำนวนนี้รวมโรงเรียนระดับประถมศึกษาที่จัดอยู่ในกลุ่มพิเศษด้วย 4 โรง
