xs
xsm
sm
md
lg

อัดงบ 100 ล.ลำเลียงผู้ป่วยหนัก/ฉุกเฉินภาคใต้ 24 ชั่วโมง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพ.ไพจิตร์ วราชิต
สธ.วางระบบความพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ เจ็บป่วยฉุกเฉินในพื้นที่ 14 จังหวัด ภาคใต้ทั้งไทยและชาวต่างชาติ โดยจับมือสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ บางกอกแอร์เวย์ส กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมปฏิบัติการช่วยชีวิตลำเลียงผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินทางบก  ทางน้ำ ทางอากาศ ตลอด 24 ชั่วโมง  ใช้งบรองรับปีนี้ 100 ล้านบาท

วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ โรงแรมหาดยาวเบย์วิว รีสอร์ท เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมเสวนาและมอบนโยบายการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งเป็นประธานในพิธีบันทึกความร่วมมือการเตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติ และการลำเลียงผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉินอย่างครบวงจรในเขตภาคใต้  ระหว่างผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขประจำเขต 6, 7, 8   ที่ดูแล 14 จังหวัดภาคใต้ กับเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ  สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขต 11, 12 กองทัพเรือภาค 2 สงขลา กองทัพเรือภาค 3 ภูเก็ต กองบังคับการตำรวจน้ำ จ.สุราษฎร์ธานี สงขลา ภูเก็ต ตรัง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี  เขต 12 สงขลา เขต 13 ภูเก็ต สำนักงานเจ้าท่าภาค 4 ภาค 5 และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส

นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยมีโอกาสเกิดภัยพิบัติอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะภัยจากธรรมชาติ เนื่องจากผลจากภาวะโลกร้อน รวมทั้งการเกิดอุบัติเหตุทั้งทางบก น้ำ และทางอากาศ กระทรวงสาธารณสุขจึงต้องจัดเตรียมระบบการช่วยชีวิตประชาชนให้มีความพร้อมทุก รูปแบบทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ โดยพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินครอบคลุมทุกพื้นที่  ให้ พร้อมปฏิบัติการช่วยชีวิตผู้ประสบภัย อุบัติเหตุต่างๆ และเจ็บป่วยฉุกเฉินทุกประเภท ตลอด 24 ชั่วโมง มีศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการทางโทรศัพท์หมายเลข 1669  ฟรี โดยได้กำหนดมาตรฐานระยะเวลาในการปฏิบัติการช่วยชีวิตผู้ป่วย และนำส่งโรง พยาบาลภายใน 10 นาที ภายหลังได้รับการแจ้งเหตุ ให้ได้ร้อยละ 80 ของการออกปฏิบัติการ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและพิการ

สำหรับ 14 จังหวัดภาคใต้ เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลาย มีทั้งภูเขา น้ำตก พื้นที่เกาะ มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมีชื่อเสียงระดับโลก แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติไปท่องเที่ยวพักผ่อนจำนวนมาก ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุได้สูง  จึงต้องพัฒนาและซักซ้อมให้เกิดความพร้อมทุกด้าน เมื่อเกิดเหตุสามารถปฏิบัติการได้ทันที  โดยในปีงบประมาณ 2554 นี้ได้จัดสรรงบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินรองรับโดยเฉพาะ 100 ล้านบาท

นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน กล่าวว่า ข้อมูลสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 ทั่วประเทศ มีชุดปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินขึ้นทะเบียนรับรองมาตรฐานแล้ว 10,984  ชุด มีผู้ปฏิบัติการทางการแพทย์ฉุกเฉิน ทั้งภาครัฐ เอกชนและมูลนิธิต่างๆ ขึ้นทะเบียน 122,945 คน  มีรถยนต์พร้อมเครื่องมือกู้ชีพ 14,189 คัน เรือ 1,128 ลำ เครื่องบิน 101 ลำ และศูนย์รับแจ้งเหตุสั่งการแพทย์ฉุกเฉิน 78 แห่ง มีองค์กรปกครองท้องถิ่นร่วมจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 5,397 แห่ง จากทั้งหมด 7,852 แห่ง ผลการดำเนินงานตั้งแต่ 21 กันยายน 2553-20 มีนาคม 2554  ออกปฏิบัติการ 580,811 ครั้ง  โดยเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินร้อยละ 60 อุบัติเหตุจราจร ร้อยละ 28  สามารถให้การช่วยเหลือภายใน 10 นาที ได้ร้อยละ 75

          นพ.ชาตรี กล่าวต่อว่า สถิติการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่ภาคใต้ ในปี 2554 ชุดปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินออกให้บริการกว่า 60,682 ครั้ง   ล่าสุด ในเหตุการณ์อุทกภัย ดินโคลนถล่มในภาคใต้ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ออกปฏิบัติการทางน้ำช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินทางน้ำได้กว่า 60 ราย และการปฏิบัติการทางอากาศ 24 เที่ยวบิน ช่วยผู้ป่วยได้ 28 ราย  ซึ่งสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จะมุ่งเน้นพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้ครบวงจรทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศเพิ่มมากขึ้น  มี การฝึกอบรมบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเขตภาคใต้มีบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมเวชศาสตร์การบินแล้วครอบคลุมทั้ง 14 จังหวัด รวม 55 คน โดยเฉพาะในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และปัตตานี ถือเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติการทางอากาศยานในเขตพื้นที่ภาคใต้

ตามบันทึกความร่วมมือครั้งนี้  กระทรวง สาธารณสุข ทำหน้าที่จัดตั้งและพัฒนาระบบบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน การส่งต่อผู้ป่วย ในเขตพื้นที่ใน 14 จังหวัดภาคใต้ ครบวงจรทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภาวะปกติ และภาวะวิกฤติฉุกเฉิน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทำหน้าที่จัดสรรงบประมาณ สนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ให้ผู้ป่วยได้รับบริการตามสิทธิตามกฎหมาย  สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ทำหน้าที่จัดสรรงบประมาณ  เพื่อ อุดหนุนการปฏิบัติการของชุดปฏิบัติการหน่วยกู้ชีพรวมถึงประสานงานติดต่อกับ หน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  

ส่วนกองทัพเรือ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย   สายการบินบางกอกแอร์เวย์  และกองบังคับการตำรวจน้ำ ทำหน้าที่ ส่งเสริม สนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติการรักษาพยาบาลของหน่วยแพทย์กู้ชีพ  เช่น สนับสนุนเรือ  เครื่องบิน เพื่อลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ 
กำลังโหลดความคิดเห็น