เครือข่ายงดเหล้าร้อยเอ็ด ผนึกกำลังตำรวจ-โรงเรียน รณรงค์เฝ้าระวังบุญบั้งไฟ อ.พนมไพร พร้อมกระตุ้นจิตสำนึกนักดื่ม ร้านค้า ปฏิบัติตามกฎหมายเคร่งครัด ด้าน “สารวัตร สภ.พนมไพร” ย้ำชัดหากละเมิดจับปรับแน่
นายปรีชา แสนรัตน์ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาคมงดเหล้า จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า บุญบั้งไฟอำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นงานประเพณีที่ทางเทศบาลตำบลพนมไพรจัดขึ้นเพื่อสืบสานประเพณีมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี แต่ที่ผ่านมามีบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ให้การสนับสนุนหลักทุกครั้ง ทำให้มีการจำหน่ายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ที่ห้ามจำหน่าย โดยเฉพาะวัดและโรงเรียน ซึ่งผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ที่สำคัญยังมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีด้วย ส่งผลให้เกิดการทะเลาะวิวาทในกลุ่มวัยรุ่นที่มาเที่ยวงาน และยังเกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ นอกจากนี้ยังพบว่าที่ผ่านมาได้มีการลักลอบเล่นพนันบั้งไฟแฝงอยู่ด้วย ซึ่งผู้เล่นจะต่อรองกันเองโดยไม่มีการตั้งโต๊ะรับแทงเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม งานบุญบั้งไฟอำเภอพนมไพร ปี 2554 ที่กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 16-17 มิถุนายนนี้ เครือข่ายฯ ได้ร่วมกับวัดกลางอุดมเวทย์ อำเภอพนมไพร กำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลพนมไพร รวมทั้งโรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร โรงเรียนเมืองพนมไพร โรงเรียนเมืองพนมไพร และโรงพยาบาลอำเภอพนมไพร รณรงค์ให้ผู้เข้าร่วมงานงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยร่วมกันออกเซิ้งงดเหล้าตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในตัวเมืองและรอบเมือง เพื่อประชาสัมพันธ์ก่อนวันงาน 3 วัน และในวันแห่ขบวนบั้งไฟ ทั้ง 3 โรงเรียนและโรงพยาบาลจะมีขบวนรณรงค์ปลอดเหล้าด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถกระตุ้นจิตสำนึกของผู้ที่เข้าร่วมชมงานและลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ลงได้ค่อนข้างมาก
ด้าน พ.ต.ท.รัชยุทธ ศักดิ์ระพี สวป.สภ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ก่อนถึงวันงาน สภ.พนมไพร ได้จัดทำหนังสือเชิญผู้ประกอบการร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่กว่า 70 ร้านค้า มาประชุมหารือเพื่อสร้างความเข้าใจและทำข้อตกลงร่วมกัน โดยขอความร่วมมือห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างวัน ยกเว้นในเวลา 11.00-14.00 น. และเวลา 17.00-24.00 น.ตามที่กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กำหนด ขณะเดียวกัน ยังห้ามขายเหล้าในสถานที่ราชการ และห้ามจำหน่ายให้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี หากมีการละเมิดหรือไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีในภายหลัง นอกจากนี้ยังได้นิมนต์พระมาทำพิธีสาปแช่งผู้กระทำผิด รวมทั้งรดน้ำมนต์ให้พรสำหรับผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามข้อตกลงอีกด้วย
“ปีนี้ สภ.พนมไพร ได้วางมาตรการและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อเอาผิดกับผู้ที่ละเมิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และผู้ที่ลักลอบเล่นการพนันบั้งไฟ โดยจะทำการตรวจ จับ ปรับจริง ซึ่งคาดว่าจะสามารถควบคุมการดื่มและการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้มากกว่า 70%” พ.ต.ท.รัชยุทธกล่าว
ขณะที่ นายเอนก อุดมวงค์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร กล่าวว่า ทุกปีทางโรงเรียนจะนำนักเรียนไปร่วมรณรงค์ปลอดเหล้าในขบวนแห่บั้งไฟด้วย เพื่อสร้างความตระหนักและกระตุ้นเตือนให้ผู้ดื่มและร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปฏิบัติตามกฎหมาย ภายหลังการรณรงค์เมื่อปีที่ผ่านมา สามารถสร้างความละอายให้กับผู้ที่ดื่มและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้บ้าง อีกทั้งยังสามารถกำหนดขอบเขตการดื่มและจำหน่ายโดยเฉพาะในบริเวณวัด ซึ่งไม่พบการดื่มและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกเลย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการรณรงค์ของเด็กนักเรียนและเยาวชนในปีนี้ นอกจากจะสร้างความละอายให้แก่ผู้จำหน่ายและผู้ดื่มได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังให้เยาวชนเหล่านั้นได้รู้ซึ้งถึงพิษภัย ตลอดจนผลกระทบต่างๆ ที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในที่สุด
นายปรีชา แสนรัตน์ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาคมงดเหล้า จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า บุญบั้งไฟอำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นงานประเพณีที่ทางเทศบาลตำบลพนมไพรจัดขึ้นเพื่อสืบสานประเพณีมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี แต่ที่ผ่านมามีบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ให้การสนับสนุนหลักทุกครั้ง ทำให้มีการจำหน่ายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ที่ห้ามจำหน่าย โดยเฉพาะวัดและโรงเรียน ซึ่งผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ที่สำคัญยังมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีด้วย ส่งผลให้เกิดการทะเลาะวิวาทในกลุ่มวัยรุ่นที่มาเที่ยวงาน และยังเกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ นอกจากนี้ยังพบว่าที่ผ่านมาได้มีการลักลอบเล่นพนันบั้งไฟแฝงอยู่ด้วย ซึ่งผู้เล่นจะต่อรองกันเองโดยไม่มีการตั้งโต๊ะรับแทงเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม งานบุญบั้งไฟอำเภอพนมไพร ปี 2554 ที่กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 16-17 มิถุนายนนี้ เครือข่ายฯ ได้ร่วมกับวัดกลางอุดมเวทย์ อำเภอพนมไพร กำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลพนมไพร รวมทั้งโรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร โรงเรียนเมืองพนมไพร โรงเรียนเมืองพนมไพร และโรงพยาบาลอำเภอพนมไพร รณรงค์ให้ผู้เข้าร่วมงานงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยร่วมกันออกเซิ้งงดเหล้าตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในตัวเมืองและรอบเมือง เพื่อประชาสัมพันธ์ก่อนวันงาน 3 วัน และในวันแห่ขบวนบั้งไฟ ทั้ง 3 โรงเรียนและโรงพยาบาลจะมีขบวนรณรงค์ปลอดเหล้าด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถกระตุ้นจิตสำนึกของผู้ที่เข้าร่วมชมงานและลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ลงได้ค่อนข้างมาก
ด้าน พ.ต.ท.รัชยุทธ ศักดิ์ระพี สวป.สภ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ก่อนถึงวันงาน สภ.พนมไพร ได้จัดทำหนังสือเชิญผู้ประกอบการร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่กว่า 70 ร้านค้า มาประชุมหารือเพื่อสร้างความเข้าใจและทำข้อตกลงร่วมกัน โดยขอความร่วมมือห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างวัน ยกเว้นในเวลา 11.00-14.00 น. และเวลา 17.00-24.00 น.ตามที่กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กำหนด ขณะเดียวกัน ยังห้ามขายเหล้าในสถานที่ราชการ และห้ามจำหน่ายให้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี หากมีการละเมิดหรือไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีในภายหลัง นอกจากนี้ยังได้นิมนต์พระมาทำพิธีสาปแช่งผู้กระทำผิด รวมทั้งรดน้ำมนต์ให้พรสำหรับผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามข้อตกลงอีกด้วย
“ปีนี้ สภ.พนมไพร ได้วางมาตรการและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อเอาผิดกับผู้ที่ละเมิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และผู้ที่ลักลอบเล่นการพนันบั้งไฟ โดยจะทำการตรวจ จับ ปรับจริง ซึ่งคาดว่าจะสามารถควบคุมการดื่มและการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้มากกว่า 70%” พ.ต.ท.รัชยุทธกล่าว
ขณะที่ นายเอนก อุดมวงค์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร กล่าวว่า ทุกปีทางโรงเรียนจะนำนักเรียนไปร่วมรณรงค์ปลอดเหล้าในขบวนแห่บั้งไฟด้วย เพื่อสร้างความตระหนักและกระตุ้นเตือนให้ผู้ดื่มและร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปฏิบัติตามกฎหมาย ภายหลังการรณรงค์เมื่อปีที่ผ่านมา สามารถสร้างความละอายให้กับผู้ที่ดื่มและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้บ้าง อีกทั้งยังสามารถกำหนดขอบเขตการดื่มและจำหน่ายโดยเฉพาะในบริเวณวัด ซึ่งไม่พบการดื่มและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกเลย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการรณรงค์ของเด็กนักเรียนและเยาวชนในปีนี้ นอกจากจะสร้างความละอายให้แก่ผู้จำหน่ายและผู้ดื่มได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังให้เยาวชนเหล่านั้นได้รู้ซึ้งถึงพิษภัย ตลอดจนผลกระทบต่างๆ ที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในที่สุด
