“นายหัวชิน” ยี้ นโยบายแจกแท็บเล็ตฟรีให้ นร.ของพรรคการเมือง สิ้นเปลืองงบประมาณ หากแจก นร.ทั้งหมด 12 ล้านคน ต้องใช้งบกระฉูดกว่า 1 แสนล้านบาท แนะพัฒนการศึกษาดีกว่า
วันนี้ (8 มิ.ย.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า มีคำถามจากผู้ปกครองนักเรียนจำนวนมาก ว่า พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เห็นด้วยหรือไม่กับนโยบายหนึ่งนักเรียนหนึ่งแท็บเล็ต (คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก) ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นนโยบายแจกแท็บเล็ตพีซีให้นักเรียนทุกคน ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวตนคัดค้านมาตลอด ตั้งแต่เมื่อครั้งพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล มีนโยบายแจกแล็บท็อปไว้ประจำตัวนักเรียน แม้ความจริงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างโอกาสและความเท่าเทียมกันด้านการศึกษานั้นมีความจำเป็น แต่ภาระงบประมาณขณะนี้ ยังไม่มีความจำเป็นถึงขั้นต้องซื้อแท็บเล็ตพีซีแจกนักเรียนทุกคน ซึ่งมีอยู่ถึง 12 ล้านคน เพราะหากต้องซื้อแจกนักเรียนทั้ง 12 ล้านคน จะเป็นภาระงบประมาณไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท
“เมื่อเรายังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กได้อย่างเข้มแข็ง การแจกแท็บเล็ตพีซีให้เด็กนั้น นอกจากเด็กจะไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์เต็มที่แล้ว อาจนำไปสู่การใช้ในทางไม่ถูกต้อง เช่น เล่นเกม ไม่ได้ใช้แสวงหาความรู้ อีกทั้งระบบแท็บเล็ตพีซีเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ล้าสมัยเร็ว ทำให้ยิ่งสิ้นเปลืองงบประมาณ ทั้งที่จริงแล้ว ควรนำงบประมาณที่มีอยู่มามุ่งเน้นในการดำเนินการที่เป็นประโยชน์โดยตรงแก่ นักเรียน เช่น นโยบายเรียนฟรี หรือการแจกทุนการศึกษาให้นักเรียน” นายชินวรณ์ กล่าว
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาควรทำอย่างเป็นระบบ โดยมีการจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาและมีกองทุนเทคโนโลยีเพื่อการ ศึกษาที่แสวงหาความร่วมมือจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) และหน่วยงานภาคเอกชนอื่นๆ ตลอดจนขอความร่วมมือ จากผู้ปกครองที่มีกำลังพร้อมให้ลงทุนซื้ออุปกรณ์ไอซีทีสำหรับเด็กใช้ที่บ้าน ของตัวเอง เช่น แท็ปเล็ต โดย ศธ. ได้ดำเนินเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนยีสารสนเทศเพื่อการศึกษานั้น มี 3 ประการ คือ ลงทุนทำโครงข่ายอินเทอร์เนตความเร็วสูงให้ครอบคลุม ซึ่งนอกจากจะมีประโยชน์กับนักเรียนในระบบแล้วยังมีประโยชน์ต่อนักเรียนของ กศน.ด้วย 2.ทำระบบข้อมูลสารสนเทศแห่งชาติที่ครอบคลุมเด็กตั้งแต่เกิดอย่างแท้จริง โดยทำงานเชื่องโยมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการวางนโยบายด้านการศึกษา และ 3.ศูนย์การเรียนรู้แห่งชาติ นำองค์ความรู้ต่างๆ มาใส่ในในโทรทัศน์ วิทยุ และเครือข่ายอินเทอร์เนต เพื่อให้นักเรียนดึงไปใช้ได้
อย่างไรก็ตาม ศธ.มีเป้าต้องการให้โรงเรียนมีคอมพิวเตอร์ใช้ในอัตราส่วน นักเรียน 1 เครื่อง ต่อนักเรียน 10 คน ซึ่งในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ศธ.ได้ลงทุนไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท ศธ.เพื่อจัดซื้อคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม และลงทุนวางเครือข่ายอินเทอร์เนตความเร็วสูง เพราะฉะนั้น ถ้าพรรคการเมืองใดมาดูแลกระทรวงนี้ ควราต่อยอดเรื่องนี้จะเกิดประโยชน์ต่อนักเรียนมากกว่า