หมอสมอง ชี้ ทั่วโลกเคยพบผู้ผ่าตัดบริเวณใบหน้า-ถอนฟัน-บาดเจ็บเหงือก มีเชื้อเริมในสมอง ระบุ ขณะนี้แพทย์ยังเร่งศึกษาว่ามีส่วนเปิดทางให้เชื้อเข้าสู่สมองหรือไม่ แจงอาการเบื้องต้นเมื่อเชื้อลามสู่สมอง คือ “เกร็ง-ชัก” ด้านอายุรแพทย์โรคติดเชื้อ ยันยังไม่พบอุบัติการณ์ผู้ป่วยในไทยชัดเจน
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ โรคทางสมอง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อเริม ว่า จากการศึกษาของแพทย์ พบว่า ไวรัสเริมนั้นมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องนั้นเชื้อไวรัสดังกล่าวจะแพร่ออกมาจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ คือ ปรากฏมาในรูปของแผลทางผิวหนังที่อวัยวะเพศ และริมฝีปาก ทำให้ผู้ได้รับมีอาการคัน และบางรายปวดแสบ ปวดร้อน และหากโชคร้ายก็จะลามไปฝังตัวในเส้นประสาท ในสมอง แต่ที่อันตราย คือ บางรายไม่ปรากฏแผลออกมาภายนอกแต่จะเข้าไปฝังตัวในเซลล์สมอง ไขสันหลัง และระบบประสาททันที ซึ่งแพทย์ทั่วโลก ยอมรับว่า กรณีหลังนั้นยากต่อการคาดเดา เพราะที่ผ่านมามีผู้ป่วยน้อยมาก
“ในจำนวนประชากรปกติแสนราย พบเพียง 1 รายที่มีเชื้อเริมในสมองระหว่างการผ่าตัด ขณะมีอาการบาดเจ็บทางเหงือก จมูก และ มีประวัติการถอนฟัน การผ่าตัดบริเวณใบหน้า แต่ยังไม่ได้ศึกษาความสัมพันธ์ว่า การผ่าตัดหรือการบาเดเจ็บดังกล่าวมีส่วนในการเปิดทางให้เชื้อเข้าสู่สมองหรือไม่ ดังนั้นแพทย์จึงยังไม่สรุปข้อมูลนี้แบบชัดเจน โดยขณะนี้ก็กำลงเร่งศึกษาว่า การบาดเจ็บบริเวณใบหน้าซึ่งใกล้เคียงสมองนั้นจะมีส่วนเชื่อมโยงการลุกลามของเชื้อหรือไม่” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่ากังวล คือไม่มีทางใดที่จะป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะไม่มีทางรู้ว่าจะเข้าสู่สมองเมื่อใด แต่โดยทั่วไปนั้นเราจะทราบหลังจากที่เชื้อเข้าสู่สมอ ไขสันหลังและประสาทแล้วเท่านั้น โดยหากเข้าสู่สมองจะแสดงอาการเบื้องต้น คือ เป็นไข้ ปวดศีรษะ ชัก เกร็ง พูดจาผิดเพี้ยน ไม่รู้เรื่อง ส่วนหากเข้าสู่ไขสันหลังและเส้นประสาทก็จะแสดงอาการเบื้องต้น เป็นแขนขาอ่อนแรง ถ่ายไม่เป็นปกติ ปัสสาวะ ไม่ออก ปวดร้าวสะโพลามไปที่ขา ซึ่งแพทย์จะตรวจวินิจฉัย และยืนยันผลชัดเจนเมื่อเจาะน้ำไขสันหลังไปตรวจแล้วเท่านั้น
พ.ต.ต.นพ.จิรายุ วิสูตรานุกูล อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ รพ.ตำรวจ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยเชื้อไวรัสเริมเข้าสู่สมอง ขณะนี้พบยังไม่มากนัก แต่ไม่มีอุบัติการณ์ที่ชัดเจน
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ โรคทางสมอง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อเริม ว่า จากการศึกษาของแพทย์ พบว่า ไวรัสเริมนั้นมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องนั้นเชื้อไวรัสดังกล่าวจะแพร่ออกมาจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ คือ ปรากฏมาในรูปของแผลทางผิวหนังที่อวัยวะเพศ และริมฝีปาก ทำให้ผู้ได้รับมีอาการคัน และบางรายปวดแสบ ปวดร้อน และหากโชคร้ายก็จะลามไปฝังตัวในเส้นประสาท ในสมอง แต่ที่อันตราย คือ บางรายไม่ปรากฏแผลออกมาภายนอกแต่จะเข้าไปฝังตัวในเซลล์สมอง ไขสันหลัง และระบบประสาททันที ซึ่งแพทย์ทั่วโลก ยอมรับว่า กรณีหลังนั้นยากต่อการคาดเดา เพราะที่ผ่านมามีผู้ป่วยน้อยมาก
“ในจำนวนประชากรปกติแสนราย พบเพียง 1 รายที่มีเชื้อเริมในสมองระหว่างการผ่าตัด ขณะมีอาการบาดเจ็บทางเหงือก จมูก และ มีประวัติการถอนฟัน การผ่าตัดบริเวณใบหน้า แต่ยังไม่ได้ศึกษาความสัมพันธ์ว่า การผ่าตัดหรือการบาเดเจ็บดังกล่าวมีส่วนในการเปิดทางให้เชื้อเข้าสู่สมองหรือไม่ ดังนั้นแพทย์จึงยังไม่สรุปข้อมูลนี้แบบชัดเจน โดยขณะนี้ก็กำลงเร่งศึกษาว่า การบาดเจ็บบริเวณใบหน้าซึ่งใกล้เคียงสมองนั้นจะมีส่วนเชื่อมโยงการลุกลามของเชื้อหรือไม่” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่ากังวล คือไม่มีทางใดที่จะป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะไม่มีทางรู้ว่าจะเข้าสู่สมองเมื่อใด แต่โดยทั่วไปนั้นเราจะทราบหลังจากที่เชื้อเข้าสู่สมอ ไขสันหลังและประสาทแล้วเท่านั้น โดยหากเข้าสู่สมองจะแสดงอาการเบื้องต้น คือ เป็นไข้ ปวดศีรษะ ชัก เกร็ง พูดจาผิดเพี้ยน ไม่รู้เรื่อง ส่วนหากเข้าสู่ไขสันหลังและเส้นประสาทก็จะแสดงอาการเบื้องต้น เป็นแขนขาอ่อนแรง ถ่ายไม่เป็นปกติ ปัสสาวะ ไม่ออก ปวดร้าวสะโพลามไปที่ขา ซึ่งแพทย์จะตรวจวินิจฉัย และยืนยันผลชัดเจนเมื่อเจาะน้ำไขสันหลังไปตรวจแล้วเท่านั้น
พ.ต.ต.นพ.จิรายุ วิสูตรานุกูล อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ รพ.ตำรวจ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยเชื้อไวรัสเริมเข้าสู่สมอง ขณะนี้พบยังไม่มากนัก แต่ไม่มีอุบัติการณ์ที่ชัดเจน
