กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ ฝันที่เป็นจริง !?!?

กรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ ฝันที่ใครๆ ก็อยากเห็นนั้นจะเป็นจริงได้ หากทุกภาคส่วนร่วมไม้ร่วมมือกันสร้างขึ้น ตามพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้มหานครกรุงเทพฯ เป็นกรุงเทพฯเมืองสวรรค์

ดังพระราชดำรัสที่ว่า “...อันนี้เคยไปถามคนที่เขารู้ทางอนาคต ถามเขาว่า แซยิด 72 นี้ ก็มีเป้าหมายที่จะสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันภัยแล้ง แต่ว่า แซยิด 84 จะมีเมืองเรียกว่าเมืองสวรรค์เมืองที่ดี มีไหม มีทางไหม เขาบอกว่า มีทาง ก็เลยขอให้ไว้ใจว่าเราคิด คิดอยู่จะสร้างเมืองสวรรค์ จะทำให้กรุงเทพมหานครแห่งนี้ เป็นกรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ แล้วก็เมืองใหม่นั้นก็จะเป็นเมืองสวรรค์เหมือนกัน ไม่ได้เป็นการย้ายเมืองกรุงเทพฯไปที่อื่นไกล แต่ว่าเป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้น... ”

จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ กทม.ได้จัดสัมมนา “กรุงเทพฯเมืองสวรรค์ ” ตามแนวพระราชดำรัสขึ้นเพื่อเสริมสร้างการร่วมปรับปรุงฟื้นฟูเมืองตามกระแสพระราชดำรัส

โดย Mr. Shin AOKI ผู้แทนจากประเทศญี่ปุ่น ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ความสำเร็จของการพัฒนาญี่ปุ่นให้เป็นประเทศที่น่าอยู่ ว่า เริ่มมาจากการวางผังเมืองทั้งระบบ ดูว่าจะมีการใช้ประโยชน์จากที่ดินในภาพกว้างอย่างไร จากนั้นจึงมาจัดโซนของแต่ละพื้นที่พร้อมกับควบคุมการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ให้เหมาะสม จากนั้นก็จะดูว่าพื้นที่นั้นๆ มีความพิเศษอื่นอีกหรือไม่ ถ้ามีก็จะเพิ่มโซนเฉพาะเข้าไปอีกซึ่งก็เหมือนกับการทานไอศกรีม ที่นอกจากจะราดช็อกโกแลตแล้ว ยังราดตามด้วยสตรอเบอร์รี่อีกด้วย ส่วนพื้นที่ที่มีความเป็นมายาวนานก็จะจัดเป็นโซนประวัติศาสตร์ และพอทราบแล้วว่าโซนนี้จะจัดเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ เราก็เพิ่มเสน่ห์ของเมืองตามประวัติความเป็นมา

ด้าน Professor Heng Chye Kiang ผู้แทนจากประเทศสิงคโปร์ ระบุว่า การที่ประเทศสิงคโปร์มีการพัฒนาเมืองไปอย่างรวดเร็วนั้น ทำให้มีการทำลายรื้อเมืองไปมากมาย แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งจึงได้รู้ว่าเราได้ทำลายเมืองกันไปจำนวนมาก จึงได้หันกลับมาอนุรักษ์ซึ่งมีการทำอย่างเป็นระบบ และมีกลไก มีคณะกรรมการเข้ามาควบคุม รวมถึงมีการให้รางวัลผู้ที่จะเข้าร่วมการปรับปรุงพื้นที่นั้นๆ ให้ดีขึ้นอีกด้วย

ส่วน Dr.Bart Lambregts ผู้แทนจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ให้ทัศนะว่า ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประชาชนมีการใช้จักรยานในการเดินทางถึง 25 เปอร์เซ็นต์ โดยที่เมืองอัมสเตอร์ดัมมีการใช้จักรยานกันเป็นจำนวนมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการใช้จักรยานเป็นพาหนะในการเดินทางช่วยส่งผลให้การเดินทางมีความคล่องตัว ดีต่อสุขภาพ แต่ทั้งนี้ ต้องอาศัยการวางระบบให้มีประสิทธิภาพ ทั้งการวางระบบโครงข่ายทางจักรยานที่ดี ประชาชนเคารพกฎจราจร แต่ต้องอาศัยระยะเวลาในการให้ความรู้ ฝึกให้ประชาชนเคารพผู้ใช้จักรยาน กฎเกี่ยวกับการใช้จักรยาน ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือประชาชนจะต้องคิดใหม่ ปรับทัศนคติใหม่การดำเนินการจึงจะได้ผล

ขณะที่ ดวงฤทธิ์ บุนนาค กรรมการสภาสถาปนิก กล่าวว่า เราควรจะเริ่มตั้งแต่การให้เขตมีอำนาจในการบริหารจัดการในการปกครองตนเอง โดยที่ กทม.เป็นเพียงหน่วยงานกำกับซึ่งหากทำในส่วนนี้ได้ก็จะช่วยลดการจราจร เป็นการกระจายความหนาแน่นของเมืองออกไปยังเขตต่างๆ ขณะเดียวกัน ก็จะต้องมีการพัฒนาเครือข่ายระบบจราจรให้สอดคล้องกันสามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้ ในส่วนของการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดนั้นเป็นที่ทราบกันว่าเป็นที่อยู่ของคนจนอันเป็นที่อยู่ของคนทำความสะอาดโรงแรม ร้านอาหารหรู ซึ่งเราต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาเมือง รวมทั้งการสร้างห้องสมุดในชุมชนแออัด เพื่อให้เด็กๆ เข้าไปอ่านหนังสือ เมื่อเขาโตขึ้นก็จะมีสังคมที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอันจะส่งผลให้ชุมชนแออัด หรือสลัมหายไปเอง

“การที่จะพัฒนาอะไรนั้นต้องคำนึงด้วยว่าเมืองมีรากฐานความเป็นมา จึงควรที่จะจับรากนั้นใส่เข้าไปด้วย เช่น จะสร้างอุโมงค์ระบายน้ำขนาดยักษ์แต่ลืมเชื่อมรากเหง้าของคู คลอง ที่อยู่ใน กทม.ซึ่งตรงนี้ทำให้เมืองขาดแนวคิด ขาดการบูรณาการร่วมกัน”ดวงฤทธิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากเราชาว กทม.หรือแม้แต่ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเมืองที่ขึ้นชื่อว่า “เมืองฟ้าอมร” มหานครแห่งนี้จะร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนากรุงเทพฯ อย่างมียุทธศาสตร์อีกนานไม่สวรรค์บนดิน ก็จะเกิดขึ้นสมดังกระแสพระราชดำรัสพระผู้เป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรชาวไทย เมื่อกรุงเทพฯ จะเป็นเมืองที่โปร่ง เมืองที่น่าดู เมืองประวัติศาสตร์ และเมืองสวยงาม...