ก.แรงงาน จับมือ 3 สถาบันการเงินใหญ่หาแหล่งเงินกู้ให้แรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ พร้อมเร่งปราบนายหน้าเถื่อน
วันนี้ (26 เม.ย.) ที่กระทรวงแรงงาน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 เมษายนนี้ กระทรวงแรงงานจะลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับธนาคาร 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการช่วยเหลือคนหางานที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศได้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ ตามปฏิญญา 3 สิงหา โดยธนาคารจะปล่อยเงินกู้ให้กับคนงานในวงเงินไม่เกิน 1.5 แสนบาท อัตราดอกเบี้ยประมาณร้อยละ 9 ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 18 เดือน หรือ 1 ปีครึ่ง ซึ่งถือว่าถูกกว่าเงินกู้นอกระบบ
ทั้งนี้ ในช่วงแรกจะปล่อยกู้ให้กับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากลิเบียก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มแรงงานที่ได้รับความเดือดร้อนมากในขณะนี้ ส่วนหลักการค้ำประกันจะมีอยู่ 2 กรณี คือ กรณีแรก บริษัทจัดหางาน จะเป็นผู้ค้ำประกันให้ โดยแรงงานจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ประมาณ 1-2 พันบาท เพื่อเป็นการรองรับความเสี่ยงให้กับบริษัทจัดหางาน ส่วนกรณีที่ 2 คือ กรมการจัดหางานเป็นผู้ค้ำประกัน สำหรับการจัดส่งโดยกรมการจัดหางาน โดยใช้สัญญาจ้างเป็นหลักประกัน ซึ่งจะต้องตกลงกับนายจ้างและบริษัทจัดหางาน ให้ส่งเงินเดือนของแรงงานกลับมาประเทศไทย ผ่านธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อหักเงินตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้
“แรงงานไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ หากต้องการไปทำงานด้วยความมั่นคง แต่ไม่มีหลักทรัพย์ ขอให้ดำเนินการผ่านกรมการจัดหางานหรือติดต่อที่จัดหางานจังหวัด ซึ่งจะช่วยดูแลในเรื่องของสัญญาจ้าง โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาอยู่ตลอดเวลา รวมถึงยังดูแลในเรื่องของแหล่งทุน ซึ่งหากไม่มีหลักทรัพย์ในการดำเนินการก็สามารถนำสัญญาจ้างมาค้ำประกันกับทางธนาคารได้” นายเฉลิมชัย กล่าว
รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งให้กรมการจัดหางานตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์จากคนงานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศแล้วได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ รวมทั้งแรงงานที่กำลังจะเดินทางไปทำงาน แต่ถูกเรียกเก็บค่าบริการรายหัวเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดด้วย เพื่อเป็นข้อมูลปราบปรามนายหน้า หรือสายเถื่อน ซึ่งจะได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
วันนี้ (26 เม.ย.) ที่กระทรวงแรงงาน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 เมษายนนี้ กระทรวงแรงงานจะลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับธนาคาร 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการช่วยเหลือคนหางานที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศได้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ ตามปฏิญญา 3 สิงหา โดยธนาคารจะปล่อยเงินกู้ให้กับคนงานในวงเงินไม่เกิน 1.5 แสนบาท อัตราดอกเบี้ยประมาณร้อยละ 9 ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 18 เดือน หรือ 1 ปีครึ่ง ซึ่งถือว่าถูกกว่าเงินกู้นอกระบบ
ทั้งนี้ ในช่วงแรกจะปล่อยกู้ให้กับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากลิเบียก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มแรงงานที่ได้รับความเดือดร้อนมากในขณะนี้ ส่วนหลักการค้ำประกันจะมีอยู่ 2 กรณี คือ กรณีแรก บริษัทจัดหางาน จะเป็นผู้ค้ำประกันให้ โดยแรงงานจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ประมาณ 1-2 พันบาท เพื่อเป็นการรองรับความเสี่ยงให้กับบริษัทจัดหางาน ส่วนกรณีที่ 2 คือ กรมการจัดหางานเป็นผู้ค้ำประกัน สำหรับการจัดส่งโดยกรมการจัดหางาน โดยใช้สัญญาจ้างเป็นหลักประกัน ซึ่งจะต้องตกลงกับนายจ้างและบริษัทจัดหางาน ให้ส่งเงินเดือนของแรงงานกลับมาประเทศไทย ผ่านธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อหักเงินตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้
“แรงงานไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ หากต้องการไปทำงานด้วยความมั่นคง แต่ไม่มีหลักทรัพย์ ขอให้ดำเนินการผ่านกรมการจัดหางานหรือติดต่อที่จัดหางานจังหวัด ซึ่งจะช่วยดูแลในเรื่องของสัญญาจ้าง โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาอยู่ตลอดเวลา รวมถึงยังดูแลในเรื่องของแหล่งทุน ซึ่งหากไม่มีหลักทรัพย์ในการดำเนินการก็สามารถนำสัญญาจ้างมาค้ำประกันกับทางธนาคารได้” นายเฉลิมชัย กล่าว
รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งให้กรมการจัดหางานตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์จากคนงานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศแล้วได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ รวมทั้งแรงงานที่กำลังจะเดินทางไปทำงาน แต่ถูกเรียกเก็บค่าบริการรายหัวเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดด้วย เพื่อเป็นข้อมูลปราบปรามนายหน้า หรือสายเถื่อน ซึ่งจะได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป