อย.เตรียมออกประกาศเพิ่มมาตรการคุมยาแก้หวัด 3 สูตร เชื่อช่วยแก้ปัญหาคนกว้านซื้อไปผลิตเป็นยาเสพติด ชี้ ต้องคุมโควตาการซื้อ
วันนี้ (18 เม.ย.)นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุมผู้ต้องหาค้ายาไอซ์ ย่านรามคำแหง และมีการตรวจค้นห้องพักผู้ต้องหา พบมีการกว้านซื้อยาแก้หวัด อาทิ ซูลิดีน บรอมเฟต แอคติเฟด เป็นต้น เพื่อนำไปสกัดเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด ว่า ตัวยาที่ปรากฏตามข่าวจะเป็นตัวยาที่มีส่วนประกอบสามารถนำไปผลิตยาเสพติดได้ โดยจะมีส่วนผสมใน 3 สูตร สูตรใดสูตรหนึ่ง ดังนี้ คือ 1.สูโดเอฟฟิดรีน กับไตรโพรลิดีน 2.สูโดเอฟฟิดรีน กับคลอเฟนิรามีน และ 3.สูโดเอฟฟิดรีน กับบลอมเฟนิรามีน ซึ่งโดยปกติแล้วทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะมีการควบคุมการใช้ยาแก้หวัด คัดจมูก ที่มีส่วนผสมของ 3 สูตรนี้ ไว้อยู่แล้ว เพราะทราบดีว่ายาสูตรดังกล่าวมีผลข้างเคียงที่สามารถนำไปผลิตเป็นยาเสพติดได้ โดยจะกำหนดเพดานในการใช้ยา 3 กลุ่มดังกล่าวของทั้งประเทศไว้ที่ปีละ 35,000 กิโลกรัม ขณะเดียวกัน ผู้ที่ผลิตก็จะต้องมีการขึ้นทะเบียนกับทาง อย.ในส่วนของร้านขายยาทาง อย.จะอนุญาตให้ขายได้ไม่เกิน 50 เม็ดต่อคน เพื่อป้องกันคนกว้านซื้อนำไปสกัดเอาสารที่อยู่ในตัวยาไปผลิตเป็นยาเสพติด
“อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเพิ่มมาตรการในการควบคุมยาทั้ง 3 กลุ่มดังกล่าวให้มากขึ้น ดังนั้นในช่วงหลังวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ ทาง อย.จะออกประกาศควบคุมการจำหน่ายยาที่มีส่วนผสมของทั้ง 3สูตรดังกล่าวให้เข้มงวดมากขึ้น โดยจะกำหนดให้ร้านขายยาสามารถสั่งซื้อยากลุ่มดังกกล่าวได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 เม็ด และห้ามจำหน่ายให้ประชาชนเกินคนละ 50 เม็ด เพื่อเป็นการป้องกันคนมากว้านซื้อ เพื่อนำไปผลิตเป็นยาเสพติด ทั้งนี้ หาก อย.ออกประกาศดังกล่าวไปแล้ว และมีร้านขายยาใดที่ฝ่าฝืน ทาง อย.ก็จะเข้าตรวจสอบเพื่อพิจารณาตรวจยึดใบ อนุญาตต่อไป” นพ.พิพัฒน์ กล่าว
เลขาธิการ อย.กล่าวด้วยว่า การที่ยังมีการอนุญาตให้มีการใช้ยาทั้ง 3 กลุ่มดังกล่าว สามารถใช้ได้อยู่ ทั้งที่รู้ว่ามีผลข้างเคียงสามารถนำไปผลิตเป็นยาเสพติได้นั้น เนื่องจากยาทั้ง 3 กลุ่มยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้อยู่ เพราะมีสรรพคุณในการรักษาหวัด คัดจมูกได้ดี แต่มักมีคนนำผลข้างเคียงของยาไปใช้ในทางที่ผิด อย.จึงต้องมีมาตรการควบคุม โดยก่อนหน้านี้จะนิยมซื้อมาจากต่างประเทศ
