สพฉ.เตรียมพร้อมรับมือเทศกาลสงกรานต์ มั่นใจดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินครอบคลุม ย้ำ ชุดปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน-ศูนย์รับแจ้งเหตุ และสั่งการ 1669 เตรียมพร้อม 24 ชั่วโมง
นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมทางด้านการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อรองรับเทศกาลสงกรานต์ในช่วงวันที่ 11-17 เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้น โดยข้อมูลจากศูนย์สื่อสารสั่งการ (ศูนย์นเรนทร สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ) มีผู้เสียชีวิตในปี พ.ศ.2551 จำนวน 477 คน ปี พ.ศ.2552 จำนวน 448 คน และปี พ.ศ.2553 จำนวน 401 คน และมีผู้บาดเจ็บเฉลี่ยปีละ 30,000 คน หรือประมาณ 4,500 คนต่อวัน ซึ่งในจำนวนนี้ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลประมาณร้อยละ 20 ของผู้บาดเจ็บทั้งหมด นอกจากนี้ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ มากกว่าร้อยละ 74 ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ และร้อยละ 44 มีพฤติกรรมที่ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 66 ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และร้อยละ 33 มีพฤติกรรมดื่มสุรา โดยช่วงเวลาที่มีผู้บาดเจ็บสูงที่สุด คือ ช่วงเวลา 15.00-20.00 น.
เลขาธิการ สพฉ.กล่าวต่อว่า สำหรับการเตรียมพร้อมนั้น ทาง สพฉ.ได้ประสานความร่วมมือกับชุดปฏิบัติการการแพทย์ทั่วประเทศ ทั้งในส่วนของโรงพยาบาล มูลนิธิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีบุคลากรปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินจำนวน 122,945 คน รถยนต์ปฏิบัติการฉุกเฉิน 10,737 คัน เรือปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน 1,128 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉินกว่า 101 ลำ พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ สพฉ.ได้ประสานไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการทางการแพทย์ฉุกเฉินทั่วประเทศทั้ง 78 ศูนย์ ให้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ 1669 ระบบโทรสาร ระบบสารสนเทศ วิทยุสื่อสาร ให้พร้อมใช้งาน รวมทั้งได้ประสานความร่วมมือในการเตรียมพร้อมรับรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินในโรงพยาบาลทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง
“การเตรียมพร้อมรับมือในปีนี้จะมีความเข้มข้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากชุดปฏิบัติการทางการแพทย์ฉุกเฉินมีความครอบคลุมมากขึ้น คือ เพิ่มจากปีที่ผ่านมาจาก 7,563 ชุด เป็น 9,937 ชุด หรือคิดเป็นร้อยละ 31 ทำให้สามารถดูแลครอบคลุม โดยเฉพาะในพื้นที่ถนนสายรอง ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากประสบอุบัติเหตุ หรือผู้พบเห็นเหตุการณ์สามารถโทร.แจ้งได้ที่หมายเลข 1669 จะมีบริการฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง” นพ.ชาตรี กล่าว
