เครือข่ายลดอันตรายจากยาเสพติด ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ส.จับตาเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด แฉ!! ตั้งด่านจับเพื่อสร้างเรทติ้งผลงาน เมินผู้ผลิตรายใหญ่ แฉ เอ็นจีโอบางพื้นที่ยังโดนจับด้วย เพราะถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้เสพ
วันนี้ (28 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระพันธ์ งามมี ผู้ประสานงานเครือข่ายคนทำงานด้านการลดอันตรายจากการใช้สารเสพติด 12 องค์กร (12D) ได้ไปยืนหนังสือต่อ นางวิสา เบญจะมโน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อเรียกร้องให้ติดตามการดำเนินงานของทางรัฐบาลในการดำเนินงานตามโครงการปฏิบัติการประเทศไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติดยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน ระยะที่ 3 เนื่องจากพบว่ามีสถานการณ์ของการล่วงละเมิดสิทธิเกิดขึ้นในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่
โดย นายวีระพันธ์ กล่าวว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปราบปรามยาเสพติด บางพื้นที่มีการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น บางแห่งมีการบุกเข้าตรวจค้นบ้านโดยระบุว่าได้รับข้อมูลว่าบ้านหลังดังกล่าว เป็นแหล่งผลิตยาเสพติด แต่เมื่อเข้าตรวจค้นพอไม่พบหลักฐานก็เรียกเจ้าของบ้านมาบังคับตรวจปัสสาวะ เพื่อจะหาทางเอาผิดให้ได้ ขณะที่บางรายพบว่ามีการเรียกรับสินบนด้วย การเดินทางมายื่นหนังสือในครั้งนี้ จึงอยากให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนคอยตรวจสอบการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ด้วย
นายวีระพันธ์ กล่าวด้วยว่า ในวันเดียวกัน ตนได้เดินทางไปยื่นหนังสือยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ด้วย เพื่อเรียกร้อง เกี่ยวกับมาตรการในการปราบปรามยาเสพติด เพราะพบว่าหลังจากรัฐบาลประกาศปฏิบัติการ ประเทศไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติดยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน ระยะที่ 3 เจ้าหน้าที่ของรัฐมีการดำเนินงานในลักษณะที่เน้นจับผู้เสพยามากกว่าการเน้น จับผู้ผลิตรายใหญ่ มีการตั้งด่านสกัดเพื่อตรวจจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นมาตรการที่เกิดขึ้นทุกรัฐบาลในช่วงที่ใกล้จะเลือกตั้ง และจะมีการทำยอดเพื่อให้ดูว่าสามารถจับผู้เสพได้มาก แต่กลับไม่มีการดำเนินการกับผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่
“ขณะเดียวกัน เมื่อเจ้าหน้าที่มีการปฏิบัติการดังกล่าว ทำให้ผู้เสพยาเกิดความกลัว และเร่งรีบ หลบซ่อนในการเสพยา ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสี่ยงให้ผู้เสพยามีโอกาสที่จะติดเชื้อเอชไอวีจากการใช้เข็มร่วมกันมากขึ้น จึงอยากให้ทาง ป.ป.ส.ชี้แจงไปยังหน่วยงานที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด ให้เน้นในการรณรงค์ให้ผู้เสพเห็นถึงโทษของการเสพยาเสพติด และเข้าสู่กระบวนการบำบัดที่ถูกต้อง ไม่ใช่มาเน้นจับตัวผู้เสพเพื่อทำยอดเช่นนี้ ขณะที่เอ็นจีโอบางคนที่ทำงานด้านยาเสพติดในพื้นที่ กลับถูกตำรวจจับพร้อมทั้งตั้งข้อหาให้เป็นผู้เสพยาเสพติดด้วย จึงอยากเรียกร้องให้มีการดูแลเอ็นจีโอที่ต้องทำงานในพื้นที่ด้วย” นายวีระพันธ์ กล่าว
วันนี้ (28 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระพันธ์ งามมี ผู้ประสานงานเครือข่ายคนทำงานด้านการลดอันตรายจากการใช้สารเสพติด 12 องค์กร (12D) ได้ไปยืนหนังสือต่อ นางวิสา เบญจะมโน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อเรียกร้องให้ติดตามการดำเนินงานของทางรัฐบาลในการดำเนินงานตามโครงการปฏิบัติการประเทศไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติดยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน ระยะที่ 3 เนื่องจากพบว่ามีสถานการณ์ของการล่วงละเมิดสิทธิเกิดขึ้นในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่
โดย นายวีระพันธ์ กล่าวว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปราบปรามยาเสพติด บางพื้นที่มีการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น บางแห่งมีการบุกเข้าตรวจค้นบ้านโดยระบุว่าได้รับข้อมูลว่าบ้านหลังดังกล่าว เป็นแหล่งผลิตยาเสพติด แต่เมื่อเข้าตรวจค้นพอไม่พบหลักฐานก็เรียกเจ้าของบ้านมาบังคับตรวจปัสสาวะ เพื่อจะหาทางเอาผิดให้ได้ ขณะที่บางรายพบว่ามีการเรียกรับสินบนด้วย การเดินทางมายื่นหนังสือในครั้งนี้ จึงอยากให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนคอยตรวจสอบการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ด้วย
นายวีระพันธ์ กล่าวด้วยว่า ในวันเดียวกัน ตนได้เดินทางไปยื่นหนังสือยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ด้วย เพื่อเรียกร้อง เกี่ยวกับมาตรการในการปราบปรามยาเสพติด เพราะพบว่าหลังจากรัฐบาลประกาศปฏิบัติการ ประเทศไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติดยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน ระยะที่ 3 เจ้าหน้าที่ของรัฐมีการดำเนินงานในลักษณะที่เน้นจับผู้เสพยามากกว่าการเน้น จับผู้ผลิตรายใหญ่ มีการตั้งด่านสกัดเพื่อตรวจจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นมาตรการที่เกิดขึ้นทุกรัฐบาลในช่วงที่ใกล้จะเลือกตั้ง และจะมีการทำยอดเพื่อให้ดูว่าสามารถจับผู้เสพได้มาก แต่กลับไม่มีการดำเนินการกับผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่
“ขณะเดียวกัน เมื่อเจ้าหน้าที่มีการปฏิบัติการดังกล่าว ทำให้ผู้เสพยาเกิดความกลัว และเร่งรีบ หลบซ่อนในการเสพยา ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสี่ยงให้ผู้เสพยามีโอกาสที่จะติดเชื้อเอชไอวีจากการใช้เข็มร่วมกันมากขึ้น จึงอยากให้ทาง ป.ป.ส.ชี้แจงไปยังหน่วยงานที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด ให้เน้นในการรณรงค์ให้ผู้เสพเห็นถึงโทษของการเสพยาเสพติด และเข้าสู่กระบวนการบำบัดที่ถูกต้อง ไม่ใช่มาเน้นจับตัวผู้เสพเพื่อทำยอดเช่นนี้ ขณะที่เอ็นจีโอบางคนที่ทำงานด้านยาเสพติดในพื้นที่ กลับถูกตำรวจจับพร้อมทั้งตั้งข้อหาให้เป็นผู้เสพยาเสพติดด้วย จึงอยากเรียกร้องให้มีการดูแลเอ็นจีโอที่ต้องทำงานในพื้นที่ด้วย” นายวีระพันธ์ กล่าว