ก.แรงงาน ชี้ บ.จัดหางานต้องจ่ายค่าบริการจัดส่งภายใน 30 วัน หลังยื่นเรื่อง เหตุไม่ได้งานตามสัญญาจ้าง หากไม่จ่ายอาจถูกยึดเงินประกัน 5 ล้านบาท เร่งประสาน สนร.ใน ตปท.เพื่อตามค่าจ้างค้างจ่ายของแรงงานไทย
วันนี้ (22 มี.ค.) นายโชคชัย ศรีทอง ผู้ตรวจราชการกรมการจัดหางานซึ่งเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เปิดเผยกรณีที่แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศลิเบีย ได้ร้องเรียนผ่านกรมการจัดหางานว่าบริษัทจัดหางาน ไม่จ่ายเงินค่าบริการจัดส่งคืน ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัทจะต้องรับผิดชอบหากเกิดเหตุฉุกเฉิน จนคนงานไม่สามารถทำงานครบสัญญาจ้าง ว่า สิทธิประโยชน์ของแรงงานไทย ได้กำหนดไว้ชัดเจนใน พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 เพื่อขอเรียกคืนค่าบริการที่ได้จ่ายให้บริษัทจัดหางาน ตามมาตรา 46 วรรคแรก กรณีที่เดินทางไปแล้วไม่ได้งานตามที่สัญญากำหนด โดยในกรณีของลิเบียนั้น ถือว่าไม่ได้งานตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง
ดังนั้น แรงงานมีสิทธิเรียกค่าบริการจัดส่งคืนจากบริษัทจัดหางานที่เป็นผู้จัดส่ง โดยต้องมายื่นคำร้องที่กรมการจัดหางาน หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัด ภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับจากวันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทย ซึ่งนายทะเบียนจัดหางานจะเป็นผู้พิจารณาให้บริษัทจัดหางานจ่ายค่าบริการจัดส่ง หรือค่าหัวคิวคืน โดยจะออกหนังสือคำสั่งให้จ่ายเงิน หากบริษัทไม่จ่ายเงินคืนภายในวันเวลาที่กำหนด ทางกรมการจัดหางานจะออกหนังสือคำสั่งหักเงินประกันของบริษัทจัดหางานที่ได้วางไว้จำนวน 5 ล้านบาท นำมาจ่ายคืนให้กับแรงงาน หากไม่เพียงพอ จะเป็นหน้าที่ของกรมการจัดหางานในการร้องต่อศาลแรงงาน เพื่อออกคำสั่งให้บริษัทจ่ายค่าหัวคิวในส่วนที่เหลือคืนแก่แรงงานต่อไป
นายโชคชัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หากมีคำสั่งจากนายทะเบียนจัดหางานแล้ว บริษัทจัดหางานไม่ปฏิบัติตาม ตามกฎหมายคุ้มครองคนหางานได้กำหนดโทษไว้แล้ว โดยพิจารณาจากความผิด มีตั้งแต่พักใบอนุญาตจัดหางาน จนถึงการเพิกถอนใบอนุญาตจัดหางาน
“เรื่องที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ คือ ปัญหาค่าจ้างค้างจ่าย ที่นายจ้างในประเทศลิเบียต้องจ่ายคืนให้กับแรงงานไทย ซึ่งยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ กรมการจัดหางาน จึงได้ประสานไปยังสำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศ เพื่อเป็นผู้ติดตามค่าจ้างค้างจ่ายคืนให้กับแรงงานไทยต่อไป” นายโชคชัย กล่าว
วันนี้ (22 มี.ค.) นายโชคชัย ศรีทอง ผู้ตรวจราชการกรมการจัดหางานซึ่งเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เปิดเผยกรณีที่แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศลิเบีย ได้ร้องเรียนผ่านกรมการจัดหางานว่าบริษัทจัดหางาน ไม่จ่ายเงินค่าบริการจัดส่งคืน ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัทจะต้องรับผิดชอบหากเกิดเหตุฉุกเฉิน จนคนงานไม่สามารถทำงานครบสัญญาจ้าง ว่า สิทธิประโยชน์ของแรงงานไทย ได้กำหนดไว้ชัดเจนใน พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 เพื่อขอเรียกคืนค่าบริการที่ได้จ่ายให้บริษัทจัดหางาน ตามมาตรา 46 วรรคแรก กรณีที่เดินทางไปแล้วไม่ได้งานตามที่สัญญากำหนด โดยในกรณีของลิเบียนั้น ถือว่าไม่ได้งานตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง
ดังนั้น แรงงานมีสิทธิเรียกค่าบริการจัดส่งคืนจากบริษัทจัดหางานที่เป็นผู้จัดส่ง โดยต้องมายื่นคำร้องที่กรมการจัดหางาน หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัด ภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับจากวันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทย ซึ่งนายทะเบียนจัดหางานจะเป็นผู้พิจารณาให้บริษัทจัดหางานจ่ายค่าบริการจัดส่ง หรือค่าหัวคิวคืน โดยจะออกหนังสือคำสั่งให้จ่ายเงิน หากบริษัทไม่จ่ายเงินคืนภายในวันเวลาที่กำหนด ทางกรมการจัดหางานจะออกหนังสือคำสั่งหักเงินประกันของบริษัทจัดหางานที่ได้วางไว้จำนวน 5 ล้านบาท นำมาจ่ายคืนให้กับแรงงาน หากไม่เพียงพอ จะเป็นหน้าที่ของกรมการจัดหางานในการร้องต่อศาลแรงงาน เพื่อออกคำสั่งให้บริษัทจ่ายค่าหัวคิวในส่วนที่เหลือคืนแก่แรงงานต่อไป
นายโชคชัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หากมีคำสั่งจากนายทะเบียนจัดหางานแล้ว บริษัทจัดหางานไม่ปฏิบัติตาม ตามกฎหมายคุ้มครองคนหางานได้กำหนดโทษไว้แล้ว โดยพิจารณาจากความผิด มีตั้งแต่พักใบอนุญาตจัดหางาน จนถึงการเพิกถอนใบอนุญาตจัดหางาน
“เรื่องที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ คือ ปัญหาค่าจ้างค้างจ่าย ที่นายจ้างในประเทศลิเบียต้องจ่ายคืนให้กับแรงงานไทย ซึ่งยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ กรมการจัดหางาน จึงได้ประสานไปยังสำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศ เพื่อเป็นผู้ติดตามค่าจ้างค้างจ่ายคืนให้กับแรงงานไทยต่อไป” นายโชคชัย กล่าว
