วอร์รูม สธ.เผยคนไทยในญี่ปุ่น 30 รายมีสุขภาพกายแข็งแรง พบคนไทยขอรับยา 27 ราย ยันยังไม่จำเป็น เหตุไม่ได้เข้าใกล้พื้นที่เสี่ยง พร้อมหารือเตรียมส่งจิตแพทย์-พยาบาล-นักวิชาการ เยียวยาสุขภาพจิตคนไทยที่ญี่ปุ่นด้วย
วันนี้ ( 18 มี.ค.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการรายงานของที่ประชุมของศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุขเกี่ยวกับสถานการณ์อุบัติภัยของญี่ปุ่น (วอร์รูมอุบัติภัยญี่ปุ่น) พบว่าขณะนี้มีคนไทย 30 คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รัศมีห่าง 50 กม.รอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด ซึ่งจากการตรวจสุขภาพของคนไทยกลุ่มดังกล่าวก็พบว่า ทุกคนมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงดีดังนั้นก็น่าจะสบายใจทุกฝ่ายแล้ว ส่วนเรื่องของการตรวจจคัดกรองคนไทยที่เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่นในเที่ยวบินขาเข้านั้น หลังจากที่ได้ตั้งทีมแพทย์บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ พบว่ามีเข้ามาคัดกรองและรับคำปรึกษาปัญหาสุขภาพจำนวน 80 คน พบปกติทุกคน ไม่มีสารอันตรายใดๆในร่างกาย
นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า สำหรับส่วนของการให้คำปรึกษาผู้ที่ต้องการเดินทางไปญี่ปุ่นในเที่ยวบินขาออกนั้นมีทั้งหมด 45 คน ในจำนวนนี้มีขอปรึกษาความรู้เรื่องการใช้ยาและขอรับยาโพแทสเซียม ไอโอไดด์จำนวน 27 คน แต่จากดุลพินิจของแพทย์พบว่าไม่ควรให้ยาในกลุ่มดังกล่าว เพราะไม่ได้เข้าไปในบริเวณพื้นที่เสี่ยงตามที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศ นั่นคือรัศมี 30 กม.รอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด และขณะนี้จากการรายงานข่าวทราบว่าญี่ปุ่นเองเริ่มจะจัดการและควบคุมสถานการณ์การระเบิดของโรงไฟฟ้าได้แล้ว ซึ่งไม่พบสารพิษตกค้างในอากาศเกินกว่ามาตรฐานที่ต้องกังวลในรัศมี 50 กม.แต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
“อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าคนไทยที่อยู่ในประเทศไทยนั้นยังไม่จำเป็นต้องรับยาเม็ดไอโอไดด์ เลย เพราะไม่จำเป็นและขออย่าตื่นกลัวให้มาก ส่วนใครที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นนั้นก็ขอให้เข้าปรึกษากับแพทย์ให้ดีก่อนว่าจำเป็นต้องรับยาหรือไม่ เนื่องจากยามีความเข้มข้นมากดังนั้นแพทย์ต้องควบคุม” นพ.ไพจิตร์กล่าว
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัด สธ.ในฐานะประธานวอร์รูมฯ กล่าวว่า สำหรับการประชุมในวันนี้นั้น ทางวอรร์รูมได้หารือกันในเรื่องของการเตรียมจัดส่งจิตแพทย์ไปดูแลด้านสุขภาพจิตของคนไทยในญี่ปุ่น ประกอบด้วย จิตแพทย์ 2 คน พยาบาล 2 คน และนักวิชาการด้านจิตวิทยาด้วย เนื่องจากพบว่าคนไทยอาจเครียดและกังวลกับสถานการณ์ที่ญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ถึงขั้นรุนแรง ซึ่งหากจัดหารรายชื่อแพทย์แล้วเสร็จ คาดว่าจะเดินทางไปที่ญี่ปุ่นพร้อมกับทีมทูต ของกระทรวงต่างประเทศในวันพรุ่งนี้ แต่ยังไม่ได้สรุปว่าจะให้แพทย์ท่านใดไป
วันนี้ ( 18 มี.ค.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการรายงานของที่ประชุมของศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุขเกี่ยวกับสถานการณ์อุบัติภัยของญี่ปุ่น (วอร์รูมอุบัติภัยญี่ปุ่น) พบว่าขณะนี้มีคนไทย 30 คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รัศมีห่าง 50 กม.รอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด ซึ่งจากการตรวจสุขภาพของคนไทยกลุ่มดังกล่าวก็พบว่า ทุกคนมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงดีดังนั้นก็น่าจะสบายใจทุกฝ่ายแล้ว ส่วนเรื่องของการตรวจจคัดกรองคนไทยที่เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่นในเที่ยวบินขาเข้านั้น หลังจากที่ได้ตั้งทีมแพทย์บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ พบว่ามีเข้ามาคัดกรองและรับคำปรึกษาปัญหาสุขภาพจำนวน 80 คน พบปกติทุกคน ไม่มีสารอันตรายใดๆในร่างกาย
นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า สำหรับส่วนของการให้คำปรึกษาผู้ที่ต้องการเดินทางไปญี่ปุ่นในเที่ยวบินขาออกนั้นมีทั้งหมด 45 คน ในจำนวนนี้มีขอปรึกษาความรู้เรื่องการใช้ยาและขอรับยาโพแทสเซียม ไอโอไดด์จำนวน 27 คน แต่จากดุลพินิจของแพทย์พบว่าไม่ควรให้ยาในกลุ่มดังกล่าว เพราะไม่ได้เข้าไปในบริเวณพื้นที่เสี่ยงตามที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศ นั่นคือรัศมี 30 กม.รอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด และขณะนี้จากการรายงานข่าวทราบว่าญี่ปุ่นเองเริ่มจะจัดการและควบคุมสถานการณ์การระเบิดของโรงไฟฟ้าได้แล้ว ซึ่งไม่พบสารพิษตกค้างในอากาศเกินกว่ามาตรฐานที่ต้องกังวลในรัศมี 50 กม.แต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
“อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าคนไทยที่อยู่ในประเทศไทยนั้นยังไม่จำเป็นต้องรับยาเม็ดไอโอไดด์ เลย เพราะไม่จำเป็นและขออย่าตื่นกลัวให้มาก ส่วนใครที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นนั้นก็ขอให้เข้าปรึกษากับแพทย์ให้ดีก่อนว่าจำเป็นต้องรับยาหรือไม่ เนื่องจากยามีความเข้มข้นมากดังนั้นแพทย์ต้องควบคุม” นพ.ไพจิตร์กล่าว
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัด สธ.ในฐานะประธานวอร์รูมฯ กล่าวว่า สำหรับการประชุมในวันนี้นั้น ทางวอรร์รูมได้หารือกันในเรื่องของการเตรียมจัดส่งจิตแพทย์ไปดูแลด้านสุขภาพจิตของคนไทยในญี่ปุ่น ประกอบด้วย จิตแพทย์ 2 คน พยาบาล 2 คน และนักวิชาการด้านจิตวิทยาด้วย เนื่องจากพบว่าคนไทยอาจเครียดและกังวลกับสถานการณ์ที่ญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ถึงขั้นรุนแรง ซึ่งหากจัดหารรายชื่อแพทย์แล้วเสร็จ คาดว่าจะเดินทางไปที่ญี่ปุ่นพร้อมกับทีมทูต ของกระทรวงต่างประเทศในวันพรุ่งนี้ แต่ยังไม่ได้สรุปว่าจะให้แพทย์ท่านใดไป
