ที่ประชุม คกก.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ฯ เห็นชอบให้การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฯของ สศร.ไปรวมกับหอภาพยนตร์ พร้อมให้รวมคำของบของ สศร.จากสองโครงการเป็นโครงการเดียวแต่จะเพิ่มวงเงินให้ เพื่อให้สามารถควบคุมดูแลงบได้เป็นระบบและทำให้การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์มีเอกภาพ รวมทั้งพิจารณาสนับสนุนการประกอบการโรงภาพยนตร์และลดภาระการนำเข้าอุปกรณ์เครื่องฉายภาพยนตร์ระบบดิจิตอลตามที่สมาคมผู้ประกอบการโรงถาพยนตร์เสนอ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2554 โดยมี นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมได้พิจาณาเห็นชอบให้ภารกิจการส่งเสริมงานอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย(สศร.) ไปรวมกับหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) โดยให้มีการจัดทำรายละเอียดแบบคำชี้แจงตามที่ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.ร.) กำหนด พร้อมทั้งแก้ไขพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งหอภาพยนตร์ พ.ศ.2552 โดยให้ครอบคลุมถึงการเพิ่มการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฯ ด้วย จากนั้นให้นำเสนอ สำนักงาน ก.พ.ร.พิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนนั้น ที่ประชุมยังมอบหมายให้ สศร.มีหน้าที่รับผิดชอบภารกิจดังกล่าวต่อไปก่อน
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณา ข้อเสนอของสมาคมผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ ในการขอรับการสนับสนุนการส่งเสริมการประกอบการโรงภาพยนตร์ เนื่องจากปัจจุบันเกือบทุกโรงภาพยนตร์ได้มีการฉายระบบดิจิตอล และผู้ประกอบการต้องชำระอัตราภาษีการนำเข้าสูงถึงร้อยละ 20 จึงถือว่าส่งผลผลกระทบต่อการลงทุนของผู้ประกอบการอย่างมาก จึงเสนอขอให้คณะกรรมการภาพยนตร์ฯ ช่วยสนับสนุนและลดภาระการนำเข้าอุปกรณ์เครื่องฉายภาพยนตร์ระบบดิจิตอลลง ทั้งนี้ ที่ประชุม ได้มีมติให้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยมี นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเรื่องของภาษีของกิจการภาพยนตร์ เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สภาหอการค้าไทย สมาคมผู้ประกอบกิจการภาพยนตร์ไทย โดยให้มีการศึกษาและพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของข้อเสนอดังกล่าว เพื่อเป็นการลดภาระของผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ รวมทั้งให้มีการฉายภาพยนตร์ไทยในระบบดิจิตอลมากขึ้น
“ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้รวมคำของบประมาณของ สศร.ในโครงการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาบทและสร้างภาพยนตร์วีดิทัศน์และละครโทรทัศน์ ที่ของบฯ 100 ล้านบาท และโครงการกองทุนส่งเสริมสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์และวีดิทัศน์ จำนวน 200 ล้านบาท เป็นโครงการเดียวกัน พร้อมทั้งมีมติให้เพิ่มวงเงินของบประมาณ เป็น 400 ล้านบาท ด้วย เพื่อที่จะได้ดูแลและควบคุมงบประมาณได้อย่างเป็นระบบ และทำให้การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์มีความเป็นเอกภาพมากยิ่งขึ้น” รมว.วธ.กล่าว
