นร.-ผู้ปกครอง ร.ร.เบญจมราชาลัย ร้อง “ชินวรณ์” ช่วยเด็ก ม.3 หมดสิทธิ์เลื่อนขึ้น ม.4 อัตโนมัติ สับ ร.ร.เปลี่ยนเกณฑ์คัดเด็กจากเดิมเกรด 2.00 เป็น 2.31 ทำเด็กกว่า 30 คนเคว้ง ด้าน ผอ.ร.ร.แจงคัดตามเกณฑ์ ศธ.เป๊ะ ยันจัดเรียงคะแนน คนสุดท้ายได้เกรดเฉลี่ย 2.31 ที่เหลือจัดเข้าชั้นเรียนไม่ได้ รับเห็นใจพร้อมประสาน ร.ร.ใกล้เคียงให้แล้ว ขณะที่ ผู้ปกครอง นร.วัดน้อยนพคุณ โอด สามเสนวิทยาลัย ร.ร.คู่พัฒนา ปัดรับโควตา ม.3
วันนี้ (3 มี.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้ปกครอง และนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเบญจมราชาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กว่า 20 คน ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศธ.เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ช่วยเหลือนักเรียนชั้น ม.3 ที่มีเกรดเฉลี่ยมากกว่า 2.00 แต่ไม่ถึง 2.31 จำนวน 30 คน ที่ถูกคัดชื่อออกจากการได้รับสิทธิให้เข้าศึกษาต่อชั้น ม.4 ประจำปีการศึกษา 2554 ในโรงเรียนเดิมอย่างไม่เป็นธรรม ให้ได้เข้าเรียนต่อในชั้น ม.4 ที่ ร.ร.เบญจมราชาลัย ตามสิทธิเดิมด้วย โดยมีผู้แทนจากสำนักงานรัฐมนตรีเป็นผู้รับเรื่องแทน
นางพิมพา ปักษีเลิศ ผู้ปกครองนักเรียนชั้น ม.3 กล่าวว่า ที่ผ่านมา นักเรียนกลุ่มนี้ทราบมาตลอดว่า ทุกคนจะได้เข้าศึกษาต่อชั้น ม.4 ที่โรงเรียนเดิม แต่จะไม่มีโอกาสได้เลือกสาขาที่เรียน โดยทางโรงเรียนจะเป็นผู้เลือกให้ตามความเหมาะสม แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้าย ทางโรงเรียนได้ประกาศหลักเกณฑ์ใหม่ โดยจะให้เด็กที่มีเกรดเฉลี่ยมากกว่า 2.31 ขึ้นไปเท่านั้น ที่จะได้รับโอกาสเข้าศึกษาต่อในชั้น ม.4 ส่วนเด็กที่มีเกรดเฉลี่ยมากกว่า 2.00 แต่น้อยกว่า 2.31 ต้องมาสอบคัดเลือกกันเอง โดยจะรับได้เพียง 8 คน ดังนั้น จึงมีเด็กอีก 22 คนที่ต้องหาที่เรียนใหม่ ซึ่งถือว่าไม่ยุติธรรมกับเด็กเลย
“ในเมื่อ ผอ.โรงเรียน แจ้งว่า ศธ.ต้องการให้รับนักเรียนจากที่อื่นได้ไม่เกิน 20% ทางโรงเรียนก็สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ โดยรับนักเรียนจากภายนอกให้น้อยลง ซึ่งจะทำให้เด็ก 30 คนที่มีสิทธิอยู่แล้ว จะได้รับสิทธิเข้าเรียนต่อ ม.4 ที่โรงเรียนแห่งนี้ตามเดิม ทั้งนี้ ในปีการศึกษา 2554 ทางโรงเรียนเปิดรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อชั้น ม.4 จำนวน 36 คน โดยมากกว่าจำนวนนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยมากกว่า 2.00 แต่น้อยกว่า 2.31 ซึ่งมีแค่ 30 คนเท่านั้น” นางพิมพา กล่าว
นางสุมนรัตน์ อัศตรกุล ผู้อำนวยการ ร.ร.เบญจมราชาลัย กล่าวว่า ในปีการศึกษานี้ รมว.ศธ.ประกาศนโยบายรับนักเรียน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2553 ว่า ให้โรงเรียนรับนักเรียนได้ห้องละไม่เกิน 40 คน และถ้าจำเป็นจริงๆ จะสามารถขอขยายห้องเรียนได้ไม่เกินห้องละ 50 คน ขณะเดียวกัน ต้องเปิดโอกาสให้เด็กจากโรงเรียนอื่นสามารถเข้าเรียนได้อีกไม่เกิน 20% ซึ่งทางโรงเรียนรู้สึกอึดอัดกับนโยบายนี้อย่างมาก เนื่องจากเมื่อมีการทำแผนชั้นเรียนปีการศึกษา 2554 ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.2553 โดยขณะนั้นมีนักเรียนชั้น ม.3 ทั้งหมด 392 คน แต่โรงเรียนสามารถเปิดห้องเรียนชั้น ม.4 ได้เพียง 8 ห้องเช่นเดียวกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา โดยเป็นห้องเรียนปกติ 7 ห้อง และห้องเรียนพิเศษวิทย์-คณิต 1 ห้องตามนโยบาย ศธ.ซึ่งห้องเรียนพิเศษจะต้องเปิดสอบแข่งขันจากนักเรียนทั่วประเทศ และรับเด็กได้เพียงห้องละ 30 คน ไม่เกิน 40 คน ซึ่งปีนี้โรงเรียนได้จัดสอบและประกาศผลไปแล้ว 36 คน สำรอง 10 คน
นางสุมนรัตน์ กล่าวด้วยว่า เมื่อจะต้องจัดเด็กเข้าห้องเรียนตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักเรียนที่จบชั้น ม.ต้น เข้าเรียนต่อ ม.ปลายของโรงเรียน ที่เด็กต้องมีคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอด 3 ปี ไม่ต่ำกว่า 2.00 นั้น โรงเรียนได้มีการนำเด็กทั้ง 392 คนมาเรียงลำดับคะแนน จนถึงคนสุดท้ายได้คะแนนเฉลี่ย 2.31 ทำให้มีเด็กที่ได้คะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ 2.00-2.30 จำนวน 30 คน ที่ไม่สามารถจัดเข้าชั้นเรียนได้ ส่วนเด็กที่คะแนนเฉลี่ยต่ำกว่า 2.00 มีจำนวน 49 คน ซึ่งผู้ปกครองก็ยอมรับสภาพ แต่ในกรณีของเด็ก 30 คนนี้ ทางโรงเรียนก็เห็นใจ และได้เชิญผู้ปกครองมาประชุมและแนะนำที่เรียนให้ พร้อมทั้งแจ้งว่ายังสามารถเปิดรับห้องเรียนสายฝรั่งเศส-จีน ได้อีก 8 คน โดยเด็กจะต้องมาสอบคัดเลือกในวันที่ 14 มี.ค.นี้ ขณะเดียวกันทางโรงเรียนก็ได้ประสานหาที่เรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาละแวกใกล้เคียงให้แล้ว
วันเดียวกัน ได้มีกลุ่มนักเรียนและผู้ปกครองจาก ร.ร.วัดน้อยนพคุณ กว่า 20 คน นำโดยนายรักษ์ วงศ์สาคร ตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน ร.ร.วัดน้อยนพคุณ เข้ายื่นหนังสือต่อ รมว.ศธ.เช่นกัน โดย นายรักษ์ กล่าวว่า ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงของโรงเรียนคู่พัฒนาที่ทำไว้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2550 กับ ร.ร.วัดน้อยนพคุณ โดยไม่ยอมรับนักเรียนชั้น ม.3 ที่มีผลการเรียนดีเด่นตามที่โรงเรียนคัดเลือกให้เข้าเรียนต่อระดับชั้น ม.4 ใน ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ทั้งที่ข้อตกลงในข้อ 3.3.5 ระบุไว้ว่า จะต้องให้โควตาแก่นักเรียน ร.ร.วัดน้อยนพคุณ เข้าเรียน ซึ่งในปีที่ผ่านมานั้น ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ยังให้โควตาเข้าเรียนตามปกติ แต่ในปีนี้เมื่อสอบถามไปยังผู้อำนวยการ ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ได้รับแจ้งด้วยวาจาว่าไม่สามารถรับเข้าเรียนได้เพราะไม่มีที่นั่ง
“การปฏิเสธรับนักเรียนในโควตาเข้าเรียนโดยอ้างว่าไม่มีที่นั่งนั้น ไม่น่าจะนำมาอ้าง เพราะ ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ยังประกาศรับสมัครนักเรียนชั้น ม.4 อยู่ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ปกครองและนักเรียนมาก และผมคิดว่าจะทำให้ระบบโรงเรียนคู่พัฒนาของ สพฐ. ไม่ประสบความสำเร็จและที่สำคัญจะทำให้คนมาเรียนต่อในโรงเรียนคู่พัฒนาน้อยลงอย่างแน่นอน” นายรักษ์ กล่าว
วันนี้ (3 มี.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้ปกครอง และนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเบญจมราชาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กว่า 20 คน ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศธ.เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ช่วยเหลือนักเรียนชั้น ม.3 ที่มีเกรดเฉลี่ยมากกว่า 2.00 แต่ไม่ถึง 2.31 จำนวน 30 คน ที่ถูกคัดชื่อออกจากการได้รับสิทธิให้เข้าศึกษาต่อชั้น ม.4 ประจำปีการศึกษา 2554 ในโรงเรียนเดิมอย่างไม่เป็นธรรม ให้ได้เข้าเรียนต่อในชั้น ม.4 ที่ ร.ร.เบญจมราชาลัย ตามสิทธิเดิมด้วย โดยมีผู้แทนจากสำนักงานรัฐมนตรีเป็นผู้รับเรื่องแทน
นางพิมพา ปักษีเลิศ ผู้ปกครองนักเรียนชั้น ม.3 กล่าวว่า ที่ผ่านมา นักเรียนกลุ่มนี้ทราบมาตลอดว่า ทุกคนจะได้เข้าศึกษาต่อชั้น ม.4 ที่โรงเรียนเดิม แต่จะไม่มีโอกาสได้เลือกสาขาที่เรียน โดยทางโรงเรียนจะเป็นผู้เลือกให้ตามความเหมาะสม แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้าย ทางโรงเรียนได้ประกาศหลักเกณฑ์ใหม่ โดยจะให้เด็กที่มีเกรดเฉลี่ยมากกว่า 2.31 ขึ้นไปเท่านั้น ที่จะได้รับโอกาสเข้าศึกษาต่อในชั้น ม.4 ส่วนเด็กที่มีเกรดเฉลี่ยมากกว่า 2.00 แต่น้อยกว่า 2.31 ต้องมาสอบคัดเลือกกันเอง โดยจะรับได้เพียง 8 คน ดังนั้น จึงมีเด็กอีก 22 คนที่ต้องหาที่เรียนใหม่ ซึ่งถือว่าไม่ยุติธรรมกับเด็กเลย
“ในเมื่อ ผอ.โรงเรียน แจ้งว่า ศธ.ต้องการให้รับนักเรียนจากที่อื่นได้ไม่เกิน 20% ทางโรงเรียนก็สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ โดยรับนักเรียนจากภายนอกให้น้อยลง ซึ่งจะทำให้เด็ก 30 คนที่มีสิทธิอยู่แล้ว จะได้รับสิทธิเข้าเรียนต่อ ม.4 ที่โรงเรียนแห่งนี้ตามเดิม ทั้งนี้ ในปีการศึกษา 2554 ทางโรงเรียนเปิดรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อชั้น ม.4 จำนวน 36 คน โดยมากกว่าจำนวนนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยมากกว่า 2.00 แต่น้อยกว่า 2.31 ซึ่งมีแค่ 30 คนเท่านั้น” นางพิมพา กล่าว
นางสุมนรัตน์ อัศตรกุล ผู้อำนวยการ ร.ร.เบญจมราชาลัย กล่าวว่า ในปีการศึกษานี้ รมว.ศธ.ประกาศนโยบายรับนักเรียน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2553 ว่า ให้โรงเรียนรับนักเรียนได้ห้องละไม่เกิน 40 คน และถ้าจำเป็นจริงๆ จะสามารถขอขยายห้องเรียนได้ไม่เกินห้องละ 50 คน ขณะเดียวกัน ต้องเปิดโอกาสให้เด็กจากโรงเรียนอื่นสามารถเข้าเรียนได้อีกไม่เกิน 20% ซึ่งทางโรงเรียนรู้สึกอึดอัดกับนโยบายนี้อย่างมาก เนื่องจากเมื่อมีการทำแผนชั้นเรียนปีการศึกษา 2554 ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.2553 โดยขณะนั้นมีนักเรียนชั้น ม.3 ทั้งหมด 392 คน แต่โรงเรียนสามารถเปิดห้องเรียนชั้น ม.4 ได้เพียง 8 ห้องเช่นเดียวกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา โดยเป็นห้องเรียนปกติ 7 ห้อง และห้องเรียนพิเศษวิทย์-คณิต 1 ห้องตามนโยบาย ศธ.ซึ่งห้องเรียนพิเศษจะต้องเปิดสอบแข่งขันจากนักเรียนทั่วประเทศ และรับเด็กได้เพียงห้องละ 30 คน ไม่เกิน 40 คน ซึ่งปีนี้โรงเรียนได้จัดสอบและประกาศผลไปแล้ว 36 คน สำรอง 10 คน
นางสุมนรัตน์ กล่าวด้วยว่า เมื่อจะต้องจัดเด็กเข้าห้องเรียนตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักเรียนที่จบชั้น ม.ต้น เข้าเรียนต่อ ม.ปลายของโรงเรียน ที่เด็กต้องมีคะแนนเฉลี่ยสะสมตลอด 3 ปี ไม่ต่ำกว่า 2.00 นั้น โรงเรียนได้มีการนำเด็กทั้ง 392 คนมาเรียงลำดับคะแนน จนถึงคนสุดท้ายได้คะแนนเฉลี่ย 2.31 ทำให้มีเด็กที่ได้คะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ 2.00-2.30 จำนวน 30 คน ที่ไม่สามารถจัดเข้าชั้นเรียนได้ ส่วนเด็กที่คะแนนเฉลี่ยต่ำกว่า 2.00 มีจำนวน 49 คน ซึ่งผู้ปกครองก็ยอมรับสภาพ แต่ในกรณีของเด็ก 30 คนนี้ ทางโรงเรียนก็เห็นใจ และได้เชิญผู้ปกครองมาประชุมและแนะนำที่เรียนให้ พร้อมทั้งแจ้งว่ายังสามารถเปิดรับห้องเรียนสายฝรั่งเศส-จีน ได้อีก 8 คน โดยเด็กจะต้องมาสอบคัดเลือกในวันที่ 14 มี.ค.นี้ ขณะเดียวกันทางโรงเรียนก็ได้ประสานหาที่เรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาละแวกใกล้เคียงให้แล้ว
วันเดียวกัน ได้มีกลุ่มนักเรียนและผู้ปกครองจาก ร.ร.วัดน้อยนพคุณ กว่า 20 คน นำโดยนายรักษ์ วงศ์สาคร ตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน ร.ร.วัดน้อยนพคุณ เข้ายื่นหนังสือต่อ รมว.ศธ.เช่นกัน โดย นายรักษ์ กล่าวว่า ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงของโรงเรียนคู่พัฒนาที่ทำไว้ตั้งแต่ปีการศึกษา 2550 กับ ร.ร.วัดน้อยนพคุณ โดยไม่ยอมรับนักเรียนชั้น ม.3 ที่มีผลการเรียนดีเด่นตามที่โรงเรียนคัดเลือกให้เข้าเรียนต่อระดับชั้น ม.4 ใน ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ทั้งที่ข้อตกลงในข้อ 3.3.5 ระบุไว้ว่า จะต้องให้โควตาแก่นักเรียน ร.ร.วัดน้อยนพคุณ เข้าเรียน ซึ่งในปีที่ผ่านมานั้น ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ยังให้โควตาเข้าเรียนตามปกติ แต่ในปีนี้เมื่อสอบถามไปยังผู้อำนวยการ ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ได้รับแจ้งด้วยวาจาว่าไม่สามารถรับเข้าเรียนได้เพราะไม่มีที่นั่ง
“การปฏิเสธรับนักเรียนในโควตาเข้าเรียนโดยอ้างว่าไม่มีที่นั่งนั้น ไม่น่าจะนำมาอ้าง เพราะ ร.ร.สามเสนวิทยาลัย ยังประกาศรับสมัครนักเรียนชั้น ม.4 อยู่ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ปกครองและนักเรียนมาก และผมคิดว่าจะทำให้ระบบโรงเรียนคู่พัฒนาของ สพฐ. ไม่ประสบความสำเร็จและที่สำคัญจะทำให้คนมาเรียนต่อในโรงเรียนคู่พัฒนาน้อยลงอย่างแน่นอน” นายรักษ์ กล่าว
