สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เผย วัด-พระพุทธศาสนาอยู่คู่สังคมมาช้านาน และชาวไทยร้อยละ 95 ก็นับถือพระพุทธศาสนา ชี้ เมื่อราชการเข้ามาบริการ พระถูกลดบทบาท ทำให้โรงเรียนกับวัดห่างเหินกัน ด้านผู้ปกครอง- ศิษย์เก่า ร.ร.วัด ไม่เห็นด้วยกับการตัดชื่อวัดออก อย่ามองเป็นเรื่องเชยล้าสมัย
วันนี้ (3 มี.ค.) พระราชรัตนมงคล สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวถึงกรณี มส.มีมติห้ามโรงเรียนตัดคำว่า “วัด” ออกจากชื่อโรงเรียนว่า พระพุทธศาสนาอยู่คู่กับสังคมไทยมานานวิถีชีวิตเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ชาวไทยร้อยละ 95 นับถือพระพุทธศาสนา นำแนวทางต่างๆ มาใช้ในการดำเนินชีวิต จนเป็นรากฐานทางวัฒนธรรม เป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยจนทุกวันนี้ ดังนั้น เมื่อศึกษาประวัติศาสตร์การศึกษาของประเทศไทย ก็จะพบว่า เกิดขึ้นในวัด มีศาลาวัด เป็นห้องเรียน ศิษย์วัดเป็นนักเรียน มีพระสงฆ์เป็นครู แต่เมื่อทางราชการเข้ามาบริหารจัดการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว พระสงฆ์หมดบทบาทจากความเป็นครู ทางราชการจัดให้มีข้าราชการครูเป็นครูแทนพระสงฆ์ จึงทำให้โรงเรียนกับวัด ออกห่างกันไปทุกขณะ ส่งผลให้นักเรียนขาดศีลธรรม ส่งผลต่อสังคมมากขึ้นทุกที ในขณะเดียวกัน หลายโรงเรียนก็มีการตัดคำว่า วัด ออกชื่อของโรงเรียน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า วัด ถูกลดบทบาทในฐานะผู้จัดการศึกษา และให้ความรู้ด้านศีลธรรมแก่เด็กและเยาวชน จึงทำให้สังคมไทยเกิดความวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ เพราะคนเรียนแต่วิชาการ แต่ไม่ได้เรียนรู้หลักธรรมในการดำเนินชีวิต
ขณะที่น.ส.ยุภาพร พิมพ์ทอง ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนวัดเลียบราษฎร์บำรุง บางซื่อ กล่าวว่า ได้ยินข่าวนี้แล้วและรู้สึกว่า หน่วยงานราชการของไทยกำลังทำอะไรกันอยู่ ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยที่จะให้ตัดคำว่า วัด ออกจากชื่อโรงเรียน และทราบว่า มีหลายโรงเรียนได้ตัดคำว่าวัดออกไปแล้ว ทำให้รู้สึกว่า วัดห่างไกลกับโรงเรียนขึ้นไปทุกที เพราะก็รู้กันอยู่ว่า โรงเรียนเกิดมาจากวัด วัดเป็นผู้อุปถัมภ์โรงเรียนมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ดังนั้น ในฐานะผู้ปกครองไม่เห็นด้วยที่จะมีการตัดคำว่าวัดออกจากชื่อโรงเรียน จะกระทบต่อความรู้สึกของคนที่เคยเรียนโรงเรียนวัด อย่ามองว่า เป็นเรื่อยเชย หรือเรื่องล้าสมัย แต่ชื่อก็ส่งผลต่อความรู้สึก แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ด้วย
ด้านนายพีระพจน์ พลอยแก้ว นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และศิษย์เก่าโรงเรียนวัดบวรนิเวศ กล่าวว่า วัดเป็นแหล่งกำเนิดสถานศึกษา โรงเรียนส่วนมากอยู่ในพื่นที่วัด โรงเรียนเวลาขาดเหลืออะไร วัดจะคอยช่วยเหลือทุกอย่าง แล้วการที่มีชื่อวัดในชื่อโรงเรียนมันผิดตรงใหน ตนมองว่า เมื่อสองอย่างนี้มีความเกี่ยวเนื่องกันก็ไม่แปลกที่จะมีชื่อวัด ที่สำคัญ ไม่ใช่การลดฐานะเป็นแค่เด็กวัด ตนก็เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่เคยลืมว่าโรงเรียน หรือไม่มีคำว่าวัดติดอยู่ พวกเราสำนึกบุญคุณวัดให้สถานที่เรียน และกลับมองว่าโรงเรียนมีชื่อวัดดีแล้วเพราะบางวัดมีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี เช่น โรงเรียนวัดบวรนิเวศ โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร โรงเรียนวัดราชบพิตร โรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีความน่าเชื่อถือในตัวเองอยู่แล้ว
วันนี้ (3 มี.ค.) พระราชรัตนมงคล สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวถึงกรณี มส.มีมติห้ามโรงเรียนตัดคำว่า “วัด” ออกจากชื่อโรงเรียนว่า พระพุทธศาสนาอยู่คู่กับสังคมไทยมานานวิถีชีวิตเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ชาวไทยร้อยละ 95 นับถือพระพุทธศาสนา นำแนวทางต่างๆ มาใช้ในการดำเนินชีวิต จนเป็นรากฐานทางวัฒนธรรม เป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยจนทุกวันนี้ ดังนั้น เมื่อศึกษาประวัติศาสตร์การศึกษาของประเทศไทย ก็จะพบว่า เกิดขึ้นในวัด มีศาลาวัด เป็นห้องเรียน ศิษย์วัดเป็นนักเรียน มีพระสงฆ์เป็นครู แต่เมื่อทางราชการเข้ามาบริหารจัดการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว พระสงฆ์หมดบทบาทจากความเป็นครู ทางราชการจัดให้มีข้าราชการครูเป็นครูแทนพระสงฆ์ จึงทำให้โรงเรียนกับวัด ออกห่างกันไปทุกขณะ ส่งผลให้นักเรียนขาดศีลธรรม ส่งผลต่อสังคมมากขึ้นทุกที ในขณะเดียวกัน หลายโรงเรียนก็มีการตัดคำว่า วัด ออกชื่อของโรงเรียน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า วัด ถูกลดบทบาทในฐานะผู้จัดการศึกษา และให้ความรู้ด้านศีลธรรมแก่เด็กและเยาวชน จึงทำให้สังคมไทยเกิดความวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ เพราะคนเรียนแต่วิชาการ แต่ไม่ได้เรียนรู้หลักธรรมในการดำเนินชีวิต
ขณะที่น.ส.ยุภาพร พิมพ์ทอง ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนวัดเลียบราษฎร์บำรุง บางซื่อ กล่าวว่า ได้ยินข่าวนี้แล้วและรู้สึกว่า หน่วยงานราชการของไทยกำลังทำอะไรกันอยู่ ส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยที่จะให้ตัดคำว่า วัด ออกจากชื่อโรงเรียน และทราบว่า มีหลายโรงเรียนได้ตัดคำว่าวัดออกไปแล้ว ทำให้รู้สึกว่า วัดห่างไกลกับโรงเรียนขึ้นไปทุกที เพราะก็รู้กันอยู่ว่า โรงเรียนเกิดมาจากวัด วัดเป็นผู้อุปถัมภ์โรงเรียนมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ดังนั้น ในฐานะผู้ปกครองไม่เห็นด้วยที่จะมีการตัดคำว่าวัดออกจากชื่อโรงเรียน จะกระทบต่อความรู้สึกของคนที่เคยเรียนโรงเรียนวัด อย่ามองว่า เป็นเรื่อยเชย หรือเรื่องล้าสมัย แต่ชื่อก็ส่งผลต่อความรู้สึก แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ด้วย
ด้านนายพีระพจน์ พลอยแก้ว นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และศิษย์เก่าโรงเรียนวัดบวรนิเวศ กล่าวว่า วัดเป็นแหล่งกำเนิดสถานศึกษา โรงเรียนส่วนมากอยู่ในพื่นที่วัด โรงเรียนเวลาขาดเหลืออะไร วัดจะคอยช่วยเหลือทุกอย่าง แล้วการที่มีชื่อวัดในชื่อโรงเรียนมันผิดตรงใหน ตนมองว่า เมื่อสองอย่างนี้มีความเกี่ยวเนื่องกันก็ไม่แปลกที่จะมีชื่อวัด ที่สำคัญ ไม่ใช่การลดฐานะเป็นแค่เด็กวัด ตนก็เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่เคยลืมว่าโรงเรียน หรือไม่มีคำว่าวัดติดอยู่ พวกเราสำนึกบุญคุณวัดให้สถานที่เรียน และกลับมองว่าโรงเรียนมีชื่อวัดดีแล้วเพราะบางวัดมีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี เช่น โรงเรียนวัดบวรนิเวศ โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร โรงเรียนวัดราชบพิตร โรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีความน่าเชื่อถือในตัวเองอยู่แล้ว
