xs
xsm
sm
md
lg

วาเลนไทน์…ก้าวไปให้ถึงรักแท้ อย่าหยุดแค่เฉลิมฉลอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ว.วชิระเมธี
วาเลนไทน์…ก้าวไปให้ถึงรักแท้ อย่าหยุดแค่เฉลิมฉลอง
โดย ท่าน ว.วชิระเมธี

แม้เทศกาลวาเลนไทน์ (Valentine) จะไม่ใช่วัฒนธรรมโดยตรงของสังคมไทยแต่หากกล่าวกันในแง่ของเรื่องราวความรักนั้น ย่อมจะมีอยู่ทุกมุมโลก ดังนั้นเพื่อปรับเปลี่ยนมุมมองของความรักให้ดูมีพลังและสวยงามยิ่งขึ้น ASTVผู้จัดการ จึงได้นำสาระของความรักในทัศนะของพระนักเทศนาธรรมอย่าง ท่าน ว.วชิรเมธี มาฝากกัน เพื่อส่องต่อความสุขเนื่องในวันแห่งความรักที่กำลังจะมาเยือนในเร็ววันนี้

“รักแท้ที่เป็นสากล คือ ความสามารถที่จะรักคนได้หมดทั้งโลก” วันวาเลนไทน์...เป็นวันแห่งความรักที่มักมาพร้อมกับข่าวในทางเสียหายของวัยรุ่นไทยไม่ว่าจะเป็นเรื่อง

- รักเขา ก็เลยต้องยอมตามที่เขาต้องการ (=รักต้องยอม)
- รักเขา ก็เลยต้องนอนกับเขาในวันวาเลนไทน์ (=วาเลนไทน์กลายเป็นวันเสียตัว)
- วาเลนไทน์ คือ วันสะสมแต้ม
- วาเลนไทน์ คือ วันที่หนุ่มสาวมีความสัมพันธ์ แต่ไม่ยอมผูกพัน (= one night stand)
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
นี่คือ ภาพรวมเชิงลบที่เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ ซึ่งได้ยินได้ฟังกันอยู่ทุกปี จนดูเหมือนจะกลายเป็นประเพณีไปเสียแล้วว่า ในวันดังกล่าวเรามักจะได้ยินแต่ข่าวในทางเสียหาย ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น วันวาเลนไทน์มีด้านที่ดีงามมากมาย เช่น เมื่อหนุ่มสาวรักกัน

- ก็ควรทะนุถนอมดูแลกันและกันเพื่อสร้างอนาคตที่ดีด้วยกัน

- เป็นกำลังใจให้กันและกันเพื่อทุ่มเทศึกษาหาความรู้จนเป็นบัณฑิตด้วยกัน

- เป็นกัลยาณมิตรคอยชักชวนกันและกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เช่น ไม่ยุ่งเกี่ยวอบายมุข ไม่ขลุกคนพาล ไม่เกียจคร้านการศึกษา ไม่เสียเวลากับเรื่องเหลวไหล ไม่เข้าใกล้ยาเสพติด เป็นต้น

นอกจากนั้นแล้ว ก็ควร “รักอย่างมีสติ” กล่าวคือ “รักด้วยสมอง ไม่ปล่อยให้รักขึ้นสมอง” จนหน้ามืด ตามัว ลืมเนื้อลืมตัว ลืมพ่อลืมแม่ ลืมความผิดถูกชั่วดี แต่ควรรักอย่างคนที่มีสติปัญญา ไม่ปล่อยให้ความรักพาให้เสียคน เสียการเรียน เสียการงาน ทุกครั้งที่มีรัก ก็ควรรักอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการชักชวนกันพัฒนาตัวเองให้ดีงามยิ่งๆ ขึ้นไป
ความรักอย่างสร้างสรรค์ หมายถึงการพัฒนาความรักให้สูงขึ้นไปกว่าความรักเชิงชู้สาวซึ่งวางรากฐานอยู่บนสัญชาตญาณของการดำรงเผ่าพันธุ์และการเห็นแก่ตัว ไปสู่ความรักที่เหนือกว่าการรักตัวเองขึ้นไปอันได้แก่ความรักมนุษยชาติ รักสิ่งแวดล้อม รักแผ่นดินถิ่นเกิด รักสรรพชีพสรรพสัตว์ จนสามารถมองมนุษยชาติและสรรพสิ่งทั้งมวลในฐานะ “โลกทั้งผองพี่น้องกัน” ซึ่งหากมีทัศนคติเช่นนี้ ก็จะทำให้โลกนี้มีแต่สันติสุข เพราะมองไปทางไหนก็ไม่มีใครที่คู่ควรแก่ความโกรธ เกลียดชิงชัง หากมีแต่ญาติพี่น้องของตนทั้งหมดทั้งสิ้น ความรักที่ลอยพ้นอัตตาของตัวเองเช่นนี้แหละ คือ รักแท้ที่เป็นสากล ซึ่งมนุษย์ทุกคนควรพัฒนาตนไปให้ถึงโดยไม่ต้องรอวันวาเลนไทน์แต่อย่างใด
ท่าน ว.วชิระเมธี

คติธรรมสำหรับคู่รัก

จงรักด้วยสมอง แต่อย่ารักจนขึ้นสมอง, ที่ใดมีรัก (อย่างขาดสติ) ที่นั่นมีทุกข์ , ที่ใดมีรัก (อย่างมีสติ) ที่นั่นมีสุข, ความรัก ควรถูกนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างอนาคตที่ดีร่วมกัน ไม่ใช่เป็นตัวทำลายอนาคต, รักแท้ที่ยั่งยืน ควรวางรากฐานอยู่บนทฤษฎี ๔ ส.กล่าวคือ

๑.สมศรัทธา มีศรัทธาเสมอกัน (เชื่อมั่นศรัทธาในสิ่งเดียวกัน)

๒.สมศีลา มีศีลเสมอกัน (ไม่นอกใจซึ่งกันและกัน)

๓.สมจาคา มีความเสียสละเสมอกัน (ลืมความเป็นเธอ ลืมความเป็นฉัน หลอมกันเป็นเรา)

๔.สมปัญญา มีปัญญาเสมอกัน (มีระดับสติปัญญาเสมอหรือใกล้เคียงกัน)

อย่างไรก็ตาม ท่าน ว.วชิรเมธี ยังฝากด้วยว่า สิ่งที่ทุกคนพึงระวังในเรื่องความรัก คือ รักจนหน้ามืดตามัว จนมองไม่เห็นหัวกฎเกณฑ์ทางจริยธรรมของสังคม หรือจนกระทั่งมองไม่เห็นหัวของมารดาบิดาบังเกิดเกล้า และทุกครั้งที่มีความรัก ควรเผื่อใจไว้สำหรับการอกหักที่อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ

กำลังโหลดความคิดเห็น