“ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์” ชนะโหวตนั่ง “นายกแพทยสภา” แตะมือแทน “ศ.นพ.สมศักดิ์” เจ้าของแชมป์ 7 สมัย นายกแพทยสภาคนใหม่กร้าวต้องถอนร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯออกจากสภา เตรียมขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี-รมว.สาธารณสุข-ประธานวิปรัฐบาล เดินหน้าผลักดันค่าตอบแทนแพทย์ตามภาระงาน-แยกบัญชีเงินเดือนแพทย์-เร่งคดีจริยธรรมแพทย์ให้เสร็จภายใน 1 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ห้องประชุม กรมการแพทย์ มีการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาวาระ พ.ศ.2554-2556 นัดแรก เพื่อคัดเลือกนายกแพทยสภา จากคณะกรรมการแพทยสภาทั้งหมด 52 คน ประกอบด้วย คณะกรรมการโดยตำแหน่ง 26 คน และจากการเลือกตั้ง 26 คน ซึ่งในที่ประชุมมีการเสนอชื่อให้ ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา อดีตนายกแพทยสภา 7 สมัย รวมสมัยที่ผ่านมาเป็นนายกแพทยสภาอีกหนึ่งสมัย แต่ ศ.นพ.สมศักดิ์ ขอถอนตัวโดยให้เหตุผลว่าอยากให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารงานบ้าง
บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกแพทยสภา จึงมีจำนวน 2 คน คือ ศ.นพ.อดิศร ภัทราดูย์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศ.คลินิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์ อดีตอุปนายกแพทยสภา ก่อนจะมีการลงคะแนนลับ และ ศ.คลินิก นพ.อำนาจ ได้รับการคัดเลือกด้วยคะแนน 33 คะแนน ต่อ 18 คะแนน ขณะที่ นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ รับตำแหน่งเลขาธิการแพทยสภา และนาวาอากาศเอก (พิเศษ) อิทธพร คณะเจริญ เป็นรองเลขาธิการแพทยสภาเช่นเดิม
ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กล่าวว่า นโยบายที่จะเร่งดำเนินการมีอย่างน้อย 3 เรื่องหลัก คือ 1.สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแพทย์และผู้ป่วย 2.ผลักดันให้มีการจ่ายค่าตอบแทนแพทย์ให้เหมาะสมกับภาระงาน 3.เร่งดำเนินการให้มีการแยกบัญชีเงินเดือนของแพทย์ออกมาต่างหาก เนื่องจากแพทย์เป็นวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือชีวิตและร่างกาย นอกจากนี้ ในส่วนของการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ในแต่ละคดีจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี โดยจะเร่งรัดขั้นตอนการพิจารณาให้เร็วขึ้นและนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินการ
“สำหรับเรื่องร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ.... ยังยืนยันเช่นเดิม คือ ต้องถอนออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร หรือนำเข้าพิจารณาในรัฐบาลหน้าก็ยังไม่สายเกินไป เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.นี้กระทบต่อแพทย์ และประชาชน และใช้งบประมาณจำนวนมาก จึงต้องนำร่าง พ.ร.บ.นี้กลับมาพิจารณาทบทวนใหม่ให้มีความรอบคอบ เพื่อให้ได้รับผลที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนและแพทย์ รวมทั้ง ต้องทำประชาพิจารณ์ด้วย อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆ นี้ จะประสานเพื่อขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานวิปรัฐบาล และกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องร่าง พ.ร.บ.ด้วย” ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กล่าว
สำหรับ ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์ อายุ 65 ปี สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นกรรมการแพทยสภาตั้งแต่ปี 2548 และเป็นเรื่อยมาถึง 4 วาระ เคยเป็นเลขาธิการแพทยสภา วาระ พ.ศ.2550-2552 และอุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 ถึง 2 สมัย
อนึ่ง ก่อนหน้านี้มีการร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้พิจารณาว่าการเลือกตั้งคณะกรรมการแพทยสภาวาระ 2554-2556 ไม่โปร่งใสควรจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนของศาลปกครอง หากศาลปกครองตัดสินให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการแพทยสภาใหม่ ก็จะต้องมีการเลือกตั้งนายกแพทยสภาใหม่เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ห้องประชุม กรมการแพทย์ มีการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาวาระ พ.ศ.2554-2556 นัดแรก เพื่อคัดเลือกนายกแพทยสภา จากคณะกรรมการแพทยสภาทั้งหมด 52 คน ประกอบด้วย คณะกรรมการโดยตำแหน่ง 26 คน และจากการเลือกตั้ง 26 คน ซึ่งในที่ประชุมมีการเสนอชื่อให้ ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา อดีตนายกแพทยสภา 7 สมัย รวมสมัยที่ผ่านมาเป็นนายกแพทยสภาอีกหนึ่งสมัย แต่ ศ.นพ.สมศักดิ์ ขอถอนตัวโดยให้เหตุผลว่าอยากให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารงานบ้าง
บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกแพทยสภา จึงมีจำนวน 2 คน คือ ศ.นพ.อดิศร ภัทราดูย์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศ.คลินิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์ อดีตอุปนายกแพทยสภา ก่อนจะมีการลงคะแนนลับ และ ศ.คลินิก นพ.อำนาจ ได้รับการคัดเลือกด้วยคะแนน 33 คะแนน ต่อ 18 คะแนน ขณะที่ นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ รับตำแหน่งเลขาธิการแพทยสภา และนาวาอากาศเอก (พิเศษ) อิทธพร คณะเจริญ เป็นรองเลขาธิการแพทยสภาเช่นเดิม
ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กล่าวว่า นโยบายที่จะเร่งดำเนินการมีอย่างน้อย 3 เรื่องหลัก คือ 1.สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแพทย์และผู้ป่วย 2.ผลักดันให้มีการจ่ายค่าตอบแทนแพทย์ให้เหมาะสมกับภาระงาน 3.เร่งดำเนินการให้มีการแยกบัญชีเงินเดือนของแพทย์ออกมาต่างหาก เนื่องจากแพทย์เป็นวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือชีวิตและร่างกาย นอกจากนี้ ในส่วนของการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ในแต่ละคดีจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี โดยจะเร่งรัดขั้นตอนการพิจารณาให้เร็วขึ้นและนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินการ
“สำหรับเรื่องร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ.... ยังยืนยันเช่นเดิม คือ ต้องถอนออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร หรือนำเข้าพิจารณาในรัฐบาลหน้าก็ยังไม่สายเกินไป เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.นี้กระทบต่อแพทย์ และประชาชน และใช้งบประมาณจำนวนมาก จึงต้องนำร่าง พ.ร.บ.นี้กลับมาพิจารณาทบทวนใหม่ให้มีความรอบคอบ เพื่อให้ได้รับผลที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนและแพทย์ รวมทั้ง ต้องทำประชาพิจารณ์ด้วย อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆ นี้ จะประสานเพื่อขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานวิปรัฐบาล และกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องร่าง พ.ร.บ.ด้วย” ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กล่าว
สำหรับ ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์ อายุ 65 ปี สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นกรรมการแพทยสภาตั้งแต่ปี 2548 และเป็นเรื่อยมาถึง 4 วาระ เคยเป็นเลขาธิการแพทยสภา วาระ พ.ศ.2550-2552 และอุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 ถึง 2 สมัย
อนึ่ง ก่อนหน้านี้มีการร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้พิจารณาว่าการเลือกตั้งคณะกรรมการแพทยสภาวาระ 2554-2556 ไม่โปร่งใสควรจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนของศาลปกครอง หากศาลปกครองตัดสินให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการแพทยสภาใหม่ ก็จะต้องมีการเลือกตั้งนายกแพทยสภาใหม่เช่นกัน
