วธ.ชู งาน "วัฒนธรรม สุนทรีย์ คีตศิลป์ อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์สร้างสุข" หวังกู้ภาพลักษณ์วัฒนธรรมไทย ก่อนต่างชาติกลืนกิน พร้อมสัญจรไปมอบความสุขคลายเครียด
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า เนื่องจากสภาพสังคมไทยในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรม และรูปแบบวิถีชีวิตในด้านลบ จากการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ความขัดแย้งทางความคิดอย่างต่อเนื่อง และการไหลบ่าเข้ามาของวัฒนธรรมต่างชาติ ทำให้สังคมไทยขาดความรัก ความสามัคคี คนในสังคมมีความเครียดทั้งร่างกาย จิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันน้อยลง และเยาวชนไทยห่างไกลจากวัฒนธรรมอันดีของไทย วธ.จึงกำหนดจัดงานวัฒนธรรม สุนทรีย์ คีตศิลป์ เป็นการแสดงดนตรีและขับร้องบทเพลงต่างๆ ส่งเสริมและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของคนในสังคมโดยใช้ศิลปะ วัฒนธรรม และสุนทรียะทางดนตรีเพื่อกล่อมเกลาจิตใจ ซึ่งจะส่งผลให้ความกดดันและความเครียดลดลง และยังเป็นการนำมิติทางวัฒนธรรมมาเป็นสื่อกลางเสริมสร้างสัมพันธ์อันดี ก่อให้เกิดสังคมที่อยู่เย็นเป็นสุข
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า กิจกรรมดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคม 2554 ในสถานที่ราชการ สถานศึกษา ชุมชนต่างๆ โรงพยาบาลและสวนสาธารณะในกทม. เริ่มเปิดตัวครั้งแรกวันที่ 24 มกราคมนี้ ที่โรงพยาบาลศิริราช ภายใต้ชื่อ ศิริราชพาเพลิน สบายๆ ยามเย็นจิตอาสา บรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เช่น แสงเทียน ยามเย็น สายฝน ภิรมย์รัก และรัก และในวันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ที่สวนสันติชัยปราการ บางลำพู ภายใต้ชื่อ รัก โดยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร จากนั้นจะสัญจรไปยังที่ต่างๆ เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี สวนสาธารณะพระราม 8 เป็นต้น ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายพลิกโฉมภาพลักษณ์องค์กร (Corporate Re-Branding) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรสู่ความทันสมัย เป็นสากลในทุกมิติเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างเครือข่ายทางวัฒนธรรมให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และส่งเสริมการมีส่วนร่วม
ด้านนายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า นโยบายพลิกโฉมภาพลักษณ์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยได้เริ่มกิจกรรมฤกษ์ดีปีใหม่ "ไหว้พระพุทธรูปวังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน" อัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สำคัญ 9 องค์มาให้ประชาชนสักการะ ได้แก่ 1.พระพุทธสิหิงค์ 2.พระหายโศก 3.พระไภษัชยคุรุ 4.พระชัยลงอักขระขอม 5.พระพุทธรูปทรงเครื่อง พระมหาจักรพรรดิ 6.พระพุทธรูปหลวงพ่อนาก 7.พระพุทธรัตนมหามุนี พระแก้วน้อย องค์ที่ 8 และ 9 เป็นพระพุทธรูปคู่ไม้แก่นจันทน์แดง ปรากฏว่าได้รับความสนใจประชาชนและนักท่องเที่ยวประเทศต่างๆ เข้าสักการะจำนวนมาก ช่วยปรับภาพลักษณ์พิพิธภัณฑ์จากที่ไม่มีชีวิตกลับมาคึกคักอีกครั้ง ล่าสุดมีการจัดทำโปสการ์ดพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 องค์เพื่อจำหน่ายแก่ผู้สนใจเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย ซึ่งตนได้หารือกับนางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากรว่าอยากจะมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวสัญจรไปตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆส่วนภูมิภาคอีกด้วย
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า เนื่องจากสภาพสังคมไทยในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรม และรูปแบบวิถีชีวิตในด้านลบ จากการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ความขัดแย้งทางความคิดอย่างต่อเนื่อง และการไหลบ่าเข้ามาของวัฒนธรรมต่างชาติ ทำให้สังคมไทยขาดความรัก ความสามัคคี คนในสังคมมีความเครียดทั้งร่างกาย จิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันน้อยลง และเยาวชนไทยห่างไกลจากวัฒนธรรมอันดีของไทย วธ.จึงกำหนดจัดงานวัฒนธรรม สุนทรีย์ คีตศิลป์ เป็นการแสดงดนตรีและขับร้องบทเพลงต่างๆ ส่งเสริมและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของคนในสังคมโดยใช้ศิลปะ วัฒนธรรม และสุนทรียะทางดนตรีเพื่อกล่อมเกลาจิตใจ ซึ่งจะส่งผลให้ความกดดันและความเครียดลดลง และยังเป็นการนำมิติทางวัฒนธรรมมาเป็นสื่อกลางเสริมสร้างสัมพันธ์อันดี ก่อให้เกิดสังคมที่อยู่เย็นเป็นสุข
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า กิจกรรมดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคม 2554 ในสถานที่ราชการ สถานศึกษา ชุมชนต่างๆ โรงพยาบาลและสวนสาธารณะในกทม. เริ่มเปิดตัวครั้งแรกวันที่ 24 มกราคมนี้ ที่โรงพยาบาลศิริราช ภายใต้ชื่อ ศิริราชพาเพลิน สบายๆ ยามเย็นจิตอาสา บรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เช่น แสงเทียน ยามเย็น สายฝน ภิรมย์รัก และรัก และในวันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ที่สวนสันติชัยปราการ บางลำพู ภายใต้ชื่อ รัก โดยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร จากนั้นจะสัญจรไปยังที่ต่างๆ เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี สวนสาธารณะพระราม 8 เป็นต้น ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายพลิกโฉมภาพลักษณ์องค์กร (Corporate Re-Branding) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรสู่ความทันสมัย เป็นสากลในทุกมิติเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างเครือข่ายทางวัฒนธรรมให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และส่งเสริมการมีส่วนร่วม
ด้านนายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า นโยบายพลิกโฉมภาพลักษณ์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยได้เริ่มกิจกรรมฤกษ์ดีปีใหม่ "ไหว้พระพุทธรูปวังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน" อัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สำคัญ 9 องค์มาให้ประชาชนสักการะ ได้แก่ 1.พระพุทธสิหิงค์ 2.พระหายโศก 3.พระไภษัชยคุรุ 4.พระชัยลงอักขระขอม 5.พระพุทธรูปทรงเครื่อง พระมหาจักรพรรดิ 6.พระพุทธรูปหลวงพ่อนาก 7.พระพุทธรัตนมหามุนี พระแก้วน้อย องค์ที่ 8 และ 9 เป็นพระพุทธรูปคู่ไม้แก่นจันทน์แดง ปรากฏว่าได้รับความสนใจประชาชนและนักท่องเที่ยวประเทศต่างๆ เข้าสักการะจำนวนมาก ช่วยปรับภาพลักษณ์พิพิธภัณฑ์จากที่ไม่มีชีวิตกลับมาคึกคักอีกครั้ง ล่าสุดมีการจัดทำโปสการ์ดพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 องค์เพื่อจำหน่ายแก่ผู้สนใจเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย ซึ่งตนได้หารือกับนางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากรว่าอยากจะมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวสัญจรไปตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆส่วนภูมิภาคอีกด้วย