ศธ.ตั้งทีมติดตามสถานการณ์ “ม็อบแดง” มอบอำนาจผู้บริหารโรงเรียนสั่งปิดได้หากเกิดความรุนแรง “ชินวรณ์” ขอแกนนำคุมเข้มความปลอดภัย หวั่นกระทบนักเรียนในวันรับสมัคร ด้าน “ชินภัทร” เผยอาจเปลี่ยนสถานที่รับสมัคร เตรียมถก ด่วน ผอ.สพท.กทม. ทั้ง 3 เขต หาข้อสรุป
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวถึงมาตรการด้านความมั่นคงในการรับมือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ตนได้ชี้แจงในการประชุมองค์กรหลัก ศธ. เพื่อกำหนดมาตรการที่ชัดเจน และให้ถือเป็นหลักปฏิบัติอย่างเข้มข้น โดยสั่งให้ตั้งคณะทำงานติดตามเรื่องนี้ในระดับกระทรวงอย่างใกล้ชิด โดยตนเป็นประธานอำนวยการ มีรัฐมนตรีช่วยว่าการ ทั้ง 2 ท่าน เป็นรองประธานอำนวยการ มีนายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ปลัด ศธ.เป็นรองประธาน โดยมีนายนิวัตร นาคะเวช รองปลัด ศธ. เป็นเลขานุการ พร้อมทั้งมีตัวแทนจากองค์กรหลักเป็นคณะอำนวยการในการร่วมตัดสินใจ ติดตามสถานการณ์ อำนวยความสะดวกให้กับเพื่อนข้าราชการ ทั้งนี้ได้ขอให้กำชับไปยังส่วนราชการ โดยเฉพาะสถานศึกษาที่อยู่ในจุดเสี่ยงที่มีการชุมนุมให้มีการเตรียมมาตรการรองรับ พร้อมทั้งมอบอำนาจที่ชัดเจนให้แก่ผู้อำนวยการสถานศึกษาใช้ดุลพินิจสั่งปิดสถานศึกษาได้หากเห็นว่าไม่ปลอดภัย และสถานการณ์รุนแรง และส่งผลต่อนักเรียน นักศึกษา หรือสถานที่ราชการ
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า ตนได้มอบหมายให้นายธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสำนักงานสภาการศึกษา(สกศ.) เร่งจัดทำแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจน เพื่อทำหนังสือเวียนไปยังสถานศึกษาต่างๆ ให้มแนวปฏิบัติที่ตรงกัน และที่สำคัญได้มอบหมายไปยังสถานศึกษาให้สร้างความตระหนักรู้ และชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย อย่างไรก็อยากให้มีการทบทวนหากคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งหากพื้นที่ใดจัดกิจกรรม สัมมนา อาจจะไม่สะดวก ก็ให้ทบทวนความเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแก่ผู้ที่จะเข้าร่วม
เมื่อถามถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการรับสมัครนักเรียนที่จะมีขึ้นในวันที่ 13-17 มี.ค.นี้นั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่า เรื่องของตารางการรับสมัครได้มีการประกาศล่วงหน้าอย่างชัดเจนมานานแล้ว ทั้งนี้ได้มอบให้ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เร่งประชุมหาข้อสรุปกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร (ผอ.สพท.กทม.) ทั้ง 3 เขต เพื่อประเมินสถานการณ์ พร้อมรายงานให้ตนทราบ อย่างไรก็ตามตนอยากเรียกร้องไปถึงแกนนำผู้ชุมนุมให้คำนึงถึงความสะดวกของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนเดินทางมาสมัครด้วยความปลอดภัยด้วย นอกจากนี้หากมีข้าราชการร่วมการชุมนุมดังกล่าวก็ถือว่าเป็นสิทธที่กระทำได้ แต่ขอให้อยู่นอกเวลาราชการ
“รู้สึกกังวลกับสถานการณ์เนื่องจากกระบวนการของแกนนำผู้ชุมนุม เริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างไม่เป็นเอกภาพ โดยเฉพาะแกนนำบางกลุ่มที่พยายามสร้างความแตกแยกให้แก่คนในสังคม เรื่องความแตกต่างของชนชั้น ซึ่งมีการปลุกระดมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญ ขณะที่บางกลุ่มมีการปลุกระดมที่เน้นความรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างมาก” รมว.ศธ. กล่าว
ด้าน ดร.ชินภัทร กล่าวว่า สำหรับการรับนักเรียนที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-17 มี.ค. ซึ่งมีการเป็นห่วงว่าจะได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ กทม.นั้น ขณะนี้มีการคาดการณ์ไว้ 2 แนวทางคือ การเปลี่ยนสถานที่รับสมัคร และ การเปลี่ยนวันรับสมัคร ซึ่งการเปลี่ยนวันรับสมัครอาจไม่ใช่แนวทางที่เป็นไปได้เพราะมีการกำหนดวันอย่างชัดเจนล่วงหน้าแล้ว อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ (9 มี.ค.) จะมีการประชุมร่วมกับผอ.สพท.กทม.ทั้ง 3 เขต เพื่อหาข้อสรุปถึงแนวทางปฏิบัติอีกครั้ง
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวถึงมาตรการด้านความมั่นคงในการรับมือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ตนได้ชี้แจงในการประชุมองค์กรหลัก ศธ. เพื่อกำหนดมาตรการที่ชัดเจน และให้ถือเป็นหลักปฏิบัติอย่างเข้มข้น โดยสั่งให้ตั้งคณะทำงานติดตามเรื่องนี้ในระดับกระทรวงอย่างใกล้ชิด โดยตนเป็นประธานอำนวยการ มีรัฐมนตรีช่วยว่าการ ทั้ง 2 ท่าน เป็นรองประธานอำนวยการ มีนายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ปลัด ศธ.เป็นรองประธาน โดยมีนายนิวัตร นาคะเวช รองปลัด ศธ. เป็นเลขานุการ พร้อมทั้งมีตัวแทนจากองค์กรหลักเป็นคณะอำนวยการในการร่วมตัดสินใจ ติดตามสถานการณ์ อำนวยความสะดวกให้กับเพื่อนข้าราชการ ทั้งนี้ได้ขอให้กำชับไปยังส่วนราชการ โดยเฉพาะสถานศึกษาที่อยู่ในจุดเสี่ยงที่มีการชุมนุมให้มีการเตรียมมาตรการรองรับ พร้อมทั้งมอบอำนาจที่ชัดเจนให้แก่ผู้อำนวยการสถานศึกษาใช้ดุลพินิจสั่งปิดสถานศึกษาได้หากเห็นว่าไม่ปลอดภัย และสถานการณ์รุนแรง และส่งผลต่อนักเรียน นักศึกษา หรือสถานที่ราชการ
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า ตนได้มอบหมายให้นายธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสำนักงานสภาการศึกษา(สกศ.) เร่งจัดทำแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจน เพื่อทำหนังสือเวียนไปยังสถานศึกษาต่างๆ ให้มแนวปฏิบัติที่ตรงกัน และที่สำคัญได้มอบหมายไปยังสถานศึกษาให้สร้างความตระหนักรู้ และชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย อย่างไรก็อยากให้มีการทบทวนหากคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งหากพื้นที่ใดจัดกิจกรรม สัมมนา อาจจะไม่สะดวก ก็ให้ทบทวนความเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแก่ผู้ที่จะเข้าร่วม
เมื่อถามถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการรับสมัครนักเรียนที่จะมีขึ้นในวันที่ 13-17 มี.ค.นี้นั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่า เรื่องของตารางการรับสมัครได้มีการประกาศล่วงหน้าอย่างชัดเจนมานานแล้ว ทั้งนี้ได้มอบให้ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เร่งประชุมหาข้อสรุปกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร (ผอ.สพท.กทม.) ทั้ง 3 เขต เพื่อประเมินสถานการณ์ พร้อมรายงานให้ตนทราบ อย่างไรก็ตามตนอยากเรียกร้องไปถึงแกนนำผู้ชุมนุมให้คำนึงถึงความสะดวกของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนเดินทางมาสมัครด้วยความปลอดภัยด้วย นอกจากนี้หากมีข้าราชการร่วมการชุมนุมดังกล่าวก็ถือว่าเป็นสิทธที่กระทำได้ แต่ขอให้อยู่นอกเวลาราชการ
“รู้สึกกังวลกับสถานการณ์เนื่องจากกระบวนการของแกนนำผู้ชุมนุม เริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างไม่เป็นเอกภาพ โดยเฉพาะแกนนำบางกลุ่มที่พยายามสร้างความแตกแยกให้แก่คนในสังคม เรื่องความแตกต่างของชนชั้น ซึ่งมีการปลุกระดมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญ ขณะที่บางกลุ่มมีการปลุกระดมที่เน้นความรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างมาก” รมว.ศธ. กล่าว
ด้าน ดร.ชินภัทร กล่าวว่า สำหรับการรับนักเรียนที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-17 มี.ค. ซึ่งมีการเป็นห่วงว่าจะได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ กทม.นั้น ขณะนี้มีการคาดการณ์ไว้ 2 แนวทางคือ การเปลี่ยนสถานที่รับสมัคร และ การเปลี่ยนวันรับสมัคร ซึ่งการเปลี่ยนวันรับสมัครอาจไม่ใช่แนวทางที่เป็นไปได้เพราะมีการกำหนดวันอย่างชัดเจนล่วงหน้าแล้ว อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ (9 มี.ค.) จะมีการประชุมร่วมกับผอ.สพท.กทม.ทั้ง 3 เขต เพื่อหาข้อสรุปถึงแนวทางปฏิบัติอีกครั้ง