หมอศิริราชเจ๋ง ช่วยผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว-สูงอายุ ผ่าตัดยาก ใช้วิธีใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวน โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ สำเร็จครั้งแรกของไทย ได้ผลดี ฟื้นตัวเร็วกว่าผ่าตัด แต่ราคาแพง ตั้ง “กองทุนรักษาลิ้นหัวใจด้วยสายสวนเพื่อผู้ป่วยสูงอายุ” ชวนทำบุญบริจาคช่วยผู้ป่วยเข้าคิวรอใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านทางสายสวนอีก 50 ราย
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่โรงพยาบาลศิริราช ผศ.นพ.ปรัญญา สากิยลักษณ์ แพทย์ประจำสาขาวิชาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในการแถลงข่าว “ครั้งแรกของไทย ศิริราชใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวน โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่” ว่า
การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเป็นการรักษาที่ได้ผลดีเยี่ยม ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตเพียงร้อยละ 1-2 เท่านั้น แต่เนื่องจากมีผู้ป่วยบางกลุ่มที่ไม่สามารถผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจได้ เช่น ผู้ป่วยที่มีอายุมาก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวหลายโรค อย่างไรก็ตาม ขณะนี้วิทยาทางการแพทย์สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยลิ้นหัวใจกลุ่มนี้ได้ ด้วยการใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนเข้าไปแทนที่ลิ้นหัวใจเดิมที่เสื่อมสภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
“วิธีการใส่สายสวนสามารถใส่ผ่านขาหนีบ หรือชายโครงเข้าไปทางปลายหัวใจ โดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดกระดูกหน้าอก ไม่ต้องใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม และไม่ต้องหยุดหัวใจ ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง อีกทั้งผู้ป่วยพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสั้นกว่า และฟื้นตัวเร็วกว่าการผ่าตัดอีกด้วย” ผศ.นพ.ปรัญญา กล่าว
ผศ.นพ.ปรัญญา กล่าวต่อว่า คณะแพทย์ศิริราชได้ทำการใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนในผู้ป่วยไปแล้ว 2 ราย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2552 นับเป็นผู้ป่วยรายแรกและรายที่สองของประเทศไทย และเป็นรายที่ 14 และ 15 ของเอเชีย ซึ่งขณะนี้มีเพียงประเทศสิงคโปร์และญี่ปุ่นเท่านั้นที่ใช้วิธีนี้ โดยในเดือนมีนาคม 2553 จะมีผู้ป่วยเข้ารับการใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนเพิ่มอีก 3 ราย ทั้งนี้ มีผู้ป่วยที่กำลังรอการใส่ลิ้นหัวใจเทียมแบบใหม่จำนวน 50 ราย
“การใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนจะเป็นวิธีที่ดี แต่ขณะนี้ยังมีราคาแพง ประมาณคนละ 1 ล้าน 2 แสนบาท หากผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ลิ้นหัวใจแบบใหม่นี้ แต่ไม่สามารถเสียค่าใช้จ่ายได้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ได้จัดตั้ง “กองทุนรักษาลิ้นหัวใจด้วยสายสวนเพื่อผู้ป่วยสูงอายุ” ผู้มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคเงินเข้ากองทุนได้ที่ศิริราชมูลนิธิ โรงพยาบาลศิริราช โทร.0-2419-7658-60” ผศ.นพ.ปรัญญา กล่าว
ด้าน ศ.นพ.ศุภกร โรจนนินทร์ หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ กล่าวว่า ในอดีตโรคลิ้นหัวใจตีบเกิดจากโรครูห์มาติก โดยจะเกิดกับผู้ป่วยที่อายุไม่มาก แต่ปัจจุบันโรคนี้เกิดจากการเสื่อมสภาพของลิ้นหัวใจ ยิ่งผู้ป่วยมีอายุมากขึ้นเท่าไหร่ อุบัติการณ์ของโรคนี้จะยิ่งสูงขึ้น ซึ่งในระยะแรกหากลิ้นหัวใจตีบเพียงเล็กน้อย จะไม่มีอาการปรากฏ จนกระทั่งหัวใจไม่สามารถทนรับกับปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้นได้ จนนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิตในที่สุด
ผศ.นพ.สุวัจชัย พรรัตนรังสี แพทย์ประจำสาขาวิชาหทัยวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ กล่าวว่า สาเหตุของการเสื่อมของลิ้นหัวใจในผู้สูงอายุนั้น เกิดจากการที่มีหินปูนเกาะที่ลิ้นหัวใจ ทำให้ลิ้นหัวใจหนาขึ้นและเปิดได้น้อยลง ผู้ป่วยจะเกิดอาการเหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก ใจสั่น ตามมาด้วยหัวใจเต้นผิดจังหวะ ถึงขั้นเป็นลมหมดสติ โดยสถิติร้อยละ 50 ของผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจตีบที่มีสภาวะหัวใจล้มเหลว จะเสียชีวิตภายใน 2 ปี
