“กรมสุขภาพจิต” ชี้ความเชื่อจากการทำนายทายทักที่พึ่งของคนสุขน้อย ย้ำเชื่อได้แต่อย่าหลง อยู่บนหลักเหตุผล มองรอบด้าน 360 องศา ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินที่เฮติ หรือแม้แต่เหตุการณ์เรือนำเที่ยวล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา การเกิดสุริยุปราคา อาจถูกเชื่อมโยงไปสู่ความเชื่อ การทำนายทายทัก การสะเดาะเคราะห์ การแก้เคล็ดต่างๆ นานา เนื่องจากเชื่อว่าเป็นปีเสือดุ ซึ่งความเชื่อถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน แต่ จำเป็นต้องเชื่อโดยมีพื้นฐานอยู่บนเหตุผล มองอย่างรอบด้าน 360 องศา และต้องไม่ทำให้ตนเองและคนรอบข้างเดือดร้อน
“เหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นที่เฮติ อยากให้มองว่า เป็นสัญญาณเตือนให้คนหันมาใส่ใจในความปลอดภัยของตนเองและสังคมมากขึ้น รวมทั้ง มองเห็นถึงความเอื้ออาทรช่วยเหลือซึ่งกันและกันของคนทั่วโลก ที่สะท้อนให้เห็นว่าคนเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก ในความมืดยังมีสิ่งที่สวยงาม ความรัก ความเอื้ออาทร ต่อเพื่อนมนุษย์ทำให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้” นพ.ชาตรี กล่าว
นพ.ชาตรี กล่าวต่อว่า การให้ความสนใจเรื่องการทำนายทายทักเป็นเพราะคนมีความสุขน้อยลง ขาดที่พึ่งทางใจ จึงจำเป็นต้องหาที่ยึดเหนี่ยว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิด ทั้งนี้ อยากให้มองว่า ความเชื่อมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้ามองในภาพรวมของสังคมก็อาจมองได้ว่า การทำนายทายทักในทางลบแล้วบอกให้เข้าวัด ทำบุญ ฟังธรรม หรือสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นับเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ศาสนาเข้ามาอยู่ในจิตใจของคนในสังคมได้มากยิ่งขึ้น
ส่วนในระดับบุคคล สามารถมองได้ว่าการทายทักในทางลบเป็นการช่วยเตือนให้เราต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตให้รอบคอบมากยิ่งขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด ต้องไม่เชื่อมาก จนทำให้ความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม กลายเป็นความหวาดกลัว ตื่นตระหนก ไม่กล้าที่จะทำอะไร ทำให้เสียหน้าที่การงาน จนเปิดโอกาสเป็นช่องทางให้ผู้ประสงค์ร้ายเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากเรา ทำให้ตนเองและครอบครัวต้องเดือดร้อน ซึ่งจะยิ่งทำให้ความทุกข์เข้ามาแทนที่อย่างไม่สิ้นสุด
“ถ้าเรายึดมั่นในการทำความดี มีจิตใจเอื้อเฟื้อช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน และรู้จักวิธีสร้างขวัญกำลังใจให้ตนเอง เพราะทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอถ้าเรารู้จักมองวิกฤตให้เป็นโอกาส เราก็จะหาทางออกให้กับตนเองได้ทุกสถานการณ์ โดยคำทำนายจะเป็นส่วนเสริมให้เราดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาททั้งด้านลบและด้านบวก”นพ.ชาตรีกล่าว
ด้าน นพ.เทอดศักดิ์ เดชคง จิตแพทย์ประจำกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า คนเราให้ความสนใจการทำนายทายทัก เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งภายใต้ความไม่รู้และความอยากรู้ ทำให้คนเราพยายามหาข้อมูล เพื่อจะทำให้สบายใจขึ้น ความเชื่อและคำทำนายต่างๆ เหล่านี้ มีทั้งด้านบวกและด้านลบ ด้านบวก คือ ทำให้เราเกิดกำลังใจ มีที่พึ่งในแง่จิตวิทยา การที่เรารู้ว่ามีทางออกในชีวิตจะช่วยสร้างความหวังกำลังใจให้เกิดขึ้นได้ ถ้ามองในแง่นี้คำทำนายที่เกิดขึ้นก็จะเป็นเรื่องที่ดีและส่งเสริมสุขภาพจิตด้วย แต่ถ้าบางครั้งคำทำนายในลักษณะสร้างความตื่นตระหนกจนเกินไป หรือมองไม่เห็นทางออก เช่น การทำนายถึงวันสิ้นโลก การมองแบบนี้จะทำให้เรารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำตอนนี้สูญเปล่า ไม่มีความหวัง ถือเป็นความเชื่อที่ไม่สร้างสรรค์
นพ.เทอดศักดิ์ กล่าวต่อว่า เราควรแยกแยะให้ออกว่า ความเชื่อใดเป็นความเชื่อที่ทำให้เกิดขวัญกำลังใจ ถ้าขวัญกำลังใจดีเราก็จะสามารถเอาชนะปัญหาอุปสรรคต่างๆได้ สามารถวางแผนชีวิตของตนเองได้ ทำความดีและทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนที่เรารัก รวมถึงมีกำลังใจที่จะทำงานให้เต็มกำลัง เราก็จะได้รับผลดี ส่วนคำทำนายที่ทำให้เราหดหู่จนเกินไปแถมยังทำอะไรไม่ได้ อาจต้องมีการจัดการ โดยรับรู้ให้น้อยลง หรือหาวิธีอื่นที่ทำให้สบายใจขึ้น โดยตั้งอยู่บนความสมเหตุสมผล เช่น ถ้าเรามีเคราะห์ แล้วทำบุญ ทำทาน สร้างพระ ปล่อยนก ปล่อยปลา ถือว่าสมเหตุสมผล แต่ถ้าต้องสะเดาะห์เคราะห์ มีพิธีกรรมหรือมีการบูชายันต์ที่ต้องสูญเสียเงินทองจนทุกข์ใจมากยิ่งขึ้น ถือเป็นความเชื่อที่เป็นหนทางเพิ่มทุกข์และทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น