สธ.เผยสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 มีแนวโน้มระบาดเพิ่มขึ้น สัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย ย้ำเตือนประชาชนอย่าชะล่าใจ ให้ป้องกันตนเองต่อเนื่อง ไม่ให้ติดโรค ส่วนการฉีดวัคซีนวันที่ 2 ได้รับรายงานฉีดไปแล้ว 3,769 รายใน 31 จังหวัด ยังไม่พบอาการแพ้รุนแรง ขอให้กลุ่มเสี่ยงที่ตกสำรวจ ไปลงทะเบียนฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน
นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 3 - 9 มกราคม 2553 มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย เป็นชายวัย 24 ปีในจังหวัดชัยภูมิ หญิงจ.ร้อยเอ็ดวัย 30 ปี เด็กชายอายุ 4 ปีจ.นครราชสีมา และเด็กชาย 6 ปีจ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรคหอบหืดและอ้วน ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ป่วยยืนยันเพิ่ม 55 ราย ผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2552 - 9 มกราคม 2553 รวม 30,805 ราย เสียชีวิต 196 ราย โดยจังหวัดที่มีผู้ป่วยยืนยันสะสมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เชียงใหม่ ตราด เชียงราย พะเยา และสงขลา นอกจากนี้ จากการสำรวจผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาล พบสัปดาห์ที่ผ่านมามีแนวโน้มสูงขึ้นจากร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 10 และผู้ป่วยปอดอักเสบเพิ่มจากร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 10 และยังพบการระบาดเป็นกลุ่มๆ ในบางพื้นที่ เช่น ที่โรงเรียนในจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น ทำให้เกิดการระบาดได้ง่าย
นพ.ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ที่น่าเป็นห่วงคือแนวโน้มพบการระบาดขยายไปสู่พื้นที่ชนบทห่างไกลมากขึ้น โดยผู้ป่วยในชนบทมักไปซื้อยาชุดแก้ไข้หวัดมากินเอง ทำให้มารับการรักษาช้า เสี่ยงเกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิต ซึ่งยารักษาไข้หวัดใหญ่ 2009 ไม่มีขายในท้องตลาด มีเฉพาะในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ร่วมโครงการไข้หวัดใหญ่ 2009 กับกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น ทั้งนี้ ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่งให้การดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคทางเดินหายใจเป็นกรณีพิเศษ และให้คิดถึงโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ไว้ก่อน ส่วนในพื้นที่ชนบท หมู่บ้านต่างๆ ได้กำชับให้ อสม.และเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยในพื้นที่ ให้ความรู้ คำแนะนำการป้องกัน และสำรวจผู้ป่วยในหมู่บ้านทุกวัน หากพบมีอาการไข้หวัด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ คนอ้วน มีโรคประจำตัว ผู้พิการ ให้รีบพาไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที
ด้านนพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ พบว่าประชาชนเริ่มเกิดความเคยชินกับโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จึงละเลยการป้องกันตนเอง เห็นได้จากการใช้หน้ากากอนามัย และการล้างมือของประชาชนลดลงอย่างมาก ทำให้ความเสี่ยงเกิดการแพร่ระบาดสูงขึ้น ประกอบกับช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงประชาชนเจ็บป่วยง่าย จึงขอให้ประชาชนทุกคนหันมาป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้ป่วย โดยการออกกำลังกาย กินร้อน ใช้ช้อนกลาง และล้างมือบ่อย ๆ คนที่เป็นไข้หวัดจะต้องใส่หน้ากากอนามัย และหยุดพักงานอยู่กับบ้าน 7 วันจนหายป่วย เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ไปสู่คนอื่น
สำหรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้ 5 กลุ่มเสี่ยง กำหนดครบ 100 เปอร์เซ็นต์ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553 ผลการฉีด 2 วันที่ผ่านมา ได้รับรายงานจาก 31 จังหวัด พบว่าวัคซีนมีความปลอดภัย ไม่พบผู้มีอาการแพ้วัคซีนรุนแรง พบเพียงอาการเล็กน้อย คือปวด บวม แดงที่รอยฉีดเท่านั้น โดยมีผู้ได้รับการฉีดแล้ว 3,769 ราย เชื่อว่าจากนี้ไปจะมีผู้มารับการฉีดมากขึ้นเพราะเกิดความมั่นใจ ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่ตกสำรวจขอให้แจ้งลงทะเบียนฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน