“ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์” เจ้าของรางวัลแมกไซไซ ปี 2552 เผยสถานการณ์เอดส์โลกผู้ป่วยไม่ลดจำนวน โดยยูเอ็นหนุนให้ทุกประเทศผลิตยาเองทำให้ได้ราคาถูกลงหลายเท่า แนะไทยรณรงค์สร้างความรู้ถึงการป้องกันโรค และให้ผู้ป่วยรู้สิทธิตนมากขึ้น
ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เภสัชกร อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม เจ้าของรางวัลแม็กไซไซ สาขาบริการสาธารณะ ประจำปี 2552 ผู้อุทิศตนช่วยเหลือผู้ป่วยในการผลิตยาในทวีปแอฟริกาและเอเชีย ให้เข้าถึงยาเอดส์ อีโบล่า และมาลาเรีย เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับรางวัลดังกล่าวตนต้องรับภาระเพิ่มขึ้น คือต้องเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยในประเทศฟิลิปปินส์อีกประเทศให้เข้าถึงยาและรับยาในราคาที่ถูกลง นอกเหนือการช่วยเหลือผู้ป่วยในทวีปแอฟริกา ทำให้ต้องเดินทางระหว่างทวีปบ่อยขึ้น
ดร.กฤษณา กล่าวว่า สถานการณ์เอดส์ทั่วโลกขณะนี้ประมาณ 38 ล้านคน เป็นผู้ป่วยในทวีปแอฟริกาถึง 30 ล้านคน แต่ละปีจำนวนผู้ป่วยไม่ลดลง อย่างไรก็ตาม การที่ตนได้สอนให้ประชาชนในประเทศต่างๆ เริ่มผลิตยาเองได้ ช่วยให้ยามีราคาถูกลงหลายเท่าไม่ต้องพึ่งยาที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งองค์การสหประชาชาติเองก็สนับสนุนแนวคิดนี้ให้แต่ละประเทศผลิตยาเอง หลังภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบไปทั่วโลก เพราะทำให้ประหยัดค่ายา และผู้ป่วยก็สามารถเข้าถึงยาได้มากขึ้น
สำหรับสถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทย ดร.กฤษณา กล่าวว่า ถือว่าโชคดีที่สุด ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาแถมรับยาฟรีด้วย เป็นห่วงจะเป็นดาบ 2 คม เนื่องจากพบว่ามีผู้ติดเชื้ออายุยังน้อยจำนวนมากขึ้น เพราะอาจประมาทไม่คิดป้องกัน เข้าใจว่ามียารักษาได้ไม่เสียชีวิตแน่นอน ดังนั้น อยากให้ภาครัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้ เข้าใจถึงการป้องกันตัวเอง รวมถึงผู้ป่วยให้รู้สิทธิของตัวเองในการเข้าถึงยาว่า ยาเอดส์รับได้ฟรี สามารถรับยาข้ามพื้นที่ได้ กล่าวคือ หากอาศัยอยู่ในจังหวัดหนึ่งก็สามารถไปรับยาอีกจังหวัดหนึ่งก็ได้ เพราะจากการพูดคุยกับผู้ป่วยเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ทราบว่าตัวเองมีสิทธิอะไรบ้าง
ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เภสัชกร อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม เจ้าของรางวัลแม็กไซไซ สาขาบริการสาธารณะ ประจำปี 2552 ผู้อุทิศตนช่วยเหลือผู้ป่วยในการผลิตยาในทวีปแอฟริกาและเอเชีย ให้เข้าถึงยาเอดส์ อีโบล่า และมาลาเรีย เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับรางวัลดังกล่าวตนต้องรับภาระเพิ่มขึ้น คือต้องเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยในประเทศฟิลิปปินส์อีกประเทศให้เข้าถึงยาและรับยาในราคาที่ถูกลง นอกเหนือการช่วยเหลือผู้ป่วยในทวีปแอฟริกา ทำให้ต้องเดินทางระหว่างทวีปบ่อยขึ้น
ดร.กฤษณา กล่าวว่า สถานการณ์เอดส์ทั่วโลกขณะนี้ประมาณ 38 ล้านคน เป็นผู้ป่วยในทวีปแอฟริกาถึง 30 ล้านคน แต่ละปีจำนวนผู้ป่วยไม่ลดลง อย่างไรก็ตาม การที่ตนได้สอนให้ประชาชนในประเทศต่างๆ เริ่มผลิตยาเองได้ ช่วยให้ยามีราคาถูกลงหลายเท่าไม่ต้องพึ่งยาที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งองค์การสหประชาชาติเองก็สนับสนุนแนวคิดนี้ให้แต่ละประเทศผลิตยาเอง หลังภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบไปทั่วโลก เพราะทำให้ประหยัดค่ายา และผู้ป่วยก็สามารถเข้าถึงยาได้มากขึ้น
สำหรับสถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทย ดร.กฤษณา กล่าวว่า ถือว่าโชคดีที่สุด ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาแถมรับยาฟรีด้วย เป็นห่วงจะเป็นดาบ 2 คม เนื่องจากพบว่ามีผู้ติดเชื้ออายุยังน้อยจำนวนมากขึ้น เพราะอาจประมาทไม่คิดป้องกัน เข้าใจว่ามียารักษาได้ไม่เสียชีวิตแน่นอน ดังนั้น อยากให้ภาครัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้ เข้าใจถึงการป้องกันตัวเอง รวมถึงผู้ป่วยให้รู้สิทธิของตัวเองในการเข้าถึงยาว่า ยาเอดส์รับได้ฟรี สามารถรับยาข้ามพื้นที่ได้ กล่าวคือ หากอาศัยอยู่ในจังหวัดหนึ่งก็สามารถไปรับยาอีกจังหวัดหนึ่งก็ได้ เพราะจากการพูดคุยกับผู้ป่วยเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ทราบว่าตัวเองมีสิทธิอะไรบ้าง
