อย.เตือนอันตรายจากผลิตภัณฑ์ย้อมผม ระวังอย่าให้เข้าตา ต้องทดสอบการแพ้ก่อนใช้ เพื่อความมั่นใจ ต้องหยุดใช้และล้างออกด้วยน้ำทันทีเมื่อมีอาการคัน ปวดแสบ ปวดร้อน หรือมีแผลผื่นแดงบริเวณที่ใช้ หรือถูกน้ำยา ห้ามใช้เมื่อหนังศีรษะมีรอยถลอก เป็นแผลหรือโรคผิวหนัง และไม่ควรเกาศีรษะอย่างแรงในขณะสระผม ห้ามใช้ย้อมขนตา หรือขนคิ้วเด็ดขาด หากใช้แล้วมีอาการผิดปกติ ควรหยุดใช้ทันที หากอาการไม่ทุเลาให้นำผลิตภัณฑ์ที่เหลือไปปรึกษาแพทย์
ภญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีมีชาวบ้านซื้อผลิตภัณฑ์ย้อมผมมาใช้แล้วเกิดอาการแพ้ว่า ผลิตภัณฑ์ย้อมผมส่วนใหญ่มีส่วนผสมของสีย้อม เช่น p-phenylenediamine หรือ PPD และอนุพันธ์ของสารนี้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล กฎหมายจึงกำหนดให้แสดงคำเตือนที่ฉลาก เช่น มีสาร phenylenediamine อาจก่อให้เกิดการแพ้ ระวังอย่าให้เข้าตา ห้ามใช้ย้อมขนตาหรือคิ้ว สวมถุงมือที่เหมาะสมขณะใช้ เป็นต้น อาการที่แพ้มักเป็นผื่นซึ่งจะลามมาถึงบริเวณต้นคอ หลังหู ใบหู และศีรษะ นอกจากนั้นอาจเกิดปฏิกิริยาการแพ้กับสารอื่นที่มีสูตรโครงสร้างใกล้เคียงกัน เช่น ยา Benzocaine Procaine Sulfonamind และสารป้องกันแสงแดดกลุ่ม p-aminobenzoic acid (PABA) เป็นต้น
ภญ.วีรวรรณ กล่าวต่อว่า เนื่องจากเครื่องสำอางทุกชนิดขณะนี้จัดเป็นเครื่องสำอางควบคุม ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าต้องมาจดแจ้งต่อ อย. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ก่อนผลิตหรือนำเข้า เมื่อจดแจ้งเรียบร้อยแล้ว ต้องจัดทำฉลากภาษาไทยที่มีข้อความบังคับครบถ้วน ได้แก่ ชื่อเครื่องสำอาง ประเภทหรือชนิดชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม วิธีการใช้ ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต หากเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าต้องแจ้งชื่อและที่ตั้งของผู้นำเข้ารวมทั้งชื่อผู้ผลิต และประเทศที่ผลิตด้วย ระบุปริมาณสุทธิ เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิต เดือนปีที่หมดอายุ (ระบุอายุเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้งานน้อยกว่า 30 เดือน หรือมีส่วนผสมของ Hydrogen peroxide) และที่สำคัญต้องมีคำเตือนเกี่ยวกับการใช้ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
“หากต้องการเลือกซื้อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผม ควรซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน น่าเชื่อถือ เมื่อมีปัญหาสามารถติดตามย้อนกลับได้ อีกทั้ง ซื้อเครื่องสำอางที่มีฉลากภาษาไทยระบุข้อความจำเป็นครบถ้วน อ่านฉลากและคำเตือนให้เข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย ต้องทดสอบการแพ้ก่อนใช้ด้วยการทาผลิตภัณฑ์ปริมาณเล็กน้อยบริเวณหลังหูหรือท้องแขน ทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง หากไม่มีความผิดปกติใดๆ ก็สามารถใช้ได้”
ทั้งนี้ หากมีอาการ คัน ปวดแสบ ปวดร้อน หรือมีแผลผื่นแดง บริเวณที่ใช้ หรือถูกน้ำยา ต้องหยุดใช้และล้างออกด้วยน้ำทันที และห้ามใช้เมื่อหนังศีรษะมีรอยถลอก เป็นแผลหรือโรคผิวหนัง และไม่ควรเกาศีรษะอย่างแรงในขณะสระผม ที่สำคัญห้ามใช้ย้อมขนตา หรือขนคิ้วเด็ดขาด อาจจะเข้าตาและทำให้ตาบอดได้ หากใช้แล้วมีอาการผิดปกติ ควรหยุดใช้ทันที หากอาการไม่ทุเลาให้นำผลิตภัณฑ์ที่เหลือไปปรึกษาแพทย์