“หมอประเสริฐ” เผยสถานการณ์การระบาดหวัด2009 หน้าหนาวไม่รุนแรง ไม่ถึงการระบาดระลอก 2 คาดปี 53 กลับเข้าสู่รอบหวัดประจำฤดูกาลปกติ ระบุผลทดสอบวัคซีนในอาสาสมัคร พบอาสาสมัครมีอาการเฉพาะที่ คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดเมื่อยตัว เชื่อไม่มีปัญหา รอ 2-3 สัปดาห์เจาะเลือดพิสูจน์ดูการกระตุ้นวัคซีนได้ ข่าวดี! วัคซีนหวัดประจำฤดูกาลรุ่นใหม่ ป้องกันหวัด 2009 ได้ เตรียมถึงไทย พ.ค.นี้
วันนี้ (23 ธ.ค.) ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่มีอยู่ตอนนี้คือวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาล ส่วนวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นั้นขณะนี้ได้มีการพัฒนาและดำเนินการแล้วในหลายประเทศ แต่เนื่องจากมีจำนวนน้อยจึงต้องมีการสั่งจอง ซึ่งประเทศไทยเองได้จองไปแล้ว 2 ล้านโดส ซึ่งจะเข้ามาถึงในไทยประมาณปลายเดือน ธ.ค.นี้ และจะเริ่มแจกจ่ายให้กับประชาชนได้ในวันที่ 11 ม.ค.2553 ซึ่งองค์การอนามัยโลกยืนยันแล้วว่ามีความปลอดภัย
“สำหรับสถานการณ์การระบาดในปีหน้านั้น คาดว่าคงเข้าสู่รอบไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาล ซึ่งยังไม่สามารถประเมินได้จนกว่าจะทราบข้อมูลการติดอีกครั้ง ขณะที่ช่วงฤดูหนาวปีนี้ก็ยังมีการระบาดอยู่บ้างแต่ไม่รุนแรง กว่าช่วงกลางปี ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าเป็นการระบาดระลอกที่ 2 ตามที่เฝ้าระวังกัน ทั้งนี้ ในส่วนการเฝ้าระวังก็ยังต้องทำเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ต้องเฝ้าระวังในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะในที่รวมคนหมู่มาก” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าว
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวต่อว่า สำหรับวัคซีนที่ทำการทดสอบในอาสาสมัครที่คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล ไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานั้น จากที่ได้รับทราบพบว่าอาสาสมัครบางราย มีอาการเฉพาะที่เกิดขึ้นบ้าง เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดเมื่อยตามตัว แต่ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร จากนี้ไปต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ จึงจะสามารถเจาะเลือดอาสาสมัครไปตรวจอีกครั้งว่าในเลือดมีผลการกระตุ้นจากวัคซีนมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ทั่วโลก และในบ้านเราก็ต้องมีการพัฒนาวัคซีนอยู่ตลอดเวลาโดยต้องเน้นให้วัคซีนสามารถป้องกันข้ามสายพันธุ์ได้ สามารถป้องกันได้ในทุกสายพันธุ์ และวิธีการใช้ต้องไม่ยุ่งยาก นอกจากการฉีดแล้ว อาจพัฒนาเป็นการฉีดพ่น สูดดม หรือใช้ทา ด้วย
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวด้วยว่า สำหรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่ผลิตจากฝั่งซีกโลกภาคใต้ ที่จะมีการนำเข้ามาในช่วงเดือนเมษายน และ พฤษภาคม นั้น จะเป็นวัคซีนตามฤดูกาลชนิดที่มี H1N1 สายพันธุ์ใหม่ใส่เข้ามาแล้ว เพราะที่ผ่านมาจะมีแค่ H1N1ตัวเก่า ซึ่งไม่สามารถป้องกันเชื้อสายพันธุ์ใหม่ได้ ทั้งนี้วัคซีนหวัดประจำฤดูกาลตัวล่าสุดที่จะนำเข้ามาจะประกอบไปด้วย H1N1 สายพันธุ์ใหม่ H3N2 และ B เข้ามาแทนที่ ซึ่งองค์การอนามัยโลก(WHO) ได้ยืนยัน และแนะนำแล้วว่าให้ใช้ตัวนี้ได้ ต่อจากนี้ทุกบริษัทก็จะนำเข้าวัคซีนตัวใหม่นี้ทั้งหมด
“ตั้งแต่ปี 53 เป็นต้นไปสายพันธุ์ที่จะใส่ลงในวัคซีนป้องกันหวัดตามฤดูกาลก็จะประกอบไปด้วยเชื้อ H1N1 สายพันธุ์ใหม่ โดยเอา H1N1ตัวเก่าออก แต่ H3N2 และ B ยังอยู่แต่อาจจะปรับเปลี่ยนสายพันธุ์บ้างเล็กน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้การฉีดวัคซีนป้องกันการระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่จะสั่งซื้อเข้ามาก็อาจจะลดจำนวนการซื้อลงได้ เพื่อรอวัคซีนหวัดประจำฤดูกาลที่จะเข้ามาใหม่ ที่จะสามารถป้องกันได้ทั้งหวัดประจำฤดูกาล และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ในตัวเดียว สำหรับราคาของวัคซีนตัวใหม่ก็ไม่น่าจะเกิน 300 บาท” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าว
วันนี้ (23 ธ.ค.) ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่มีอยู่ตอนนี้คือวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาล ส่วนวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นั้นขณะนี้ได้มีการพัฒนาและดำเนินการแล้วในหลายประเทศ แต่เนื่องจากมีจำนวนน้อยจึงต้องมีการสั่งจอง ซึ่งประเทศไทยเองได้จองไปแล้ว 2 ล้านโดส ซึ่งจะเข้ามาถึงในไทยประมาณปลายเดือน ธ.ค.นี้ และจะเริ่มแจกจ่ายให้กับประชาชนได้ในวันที่ 11 ม.ค.2553 ซึ่งองค์การอนามัยโลกยืนยันแล้วว่ามีความปลอดภัย
“สำหรับสถานการณ์การระบาดในปีหน้านั้น คาดว่าคงเข้าสู่รอบไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาล ซึ่งยังไม่สามารถประเมินได้จนกว่าจะทราบข้อมูลการติดอีกครั้ง ขณะที่ช่วงฤดูหนาวปีนี้ก็ยังมีการระบาดอยู่บ้างแต่ไม่รุนแรง กว่าช่วงกลางปี ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าเป็นการระบาดระลอกที่ 2 ตามที่เฝ้าระวังกัน ทั้งนี้ ในส่วนการเฝ้าระวังก็ยังต้องทำเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ต้องเฝ้าระวังในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะในที่รวมคนหมู่มาก” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าว
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวต่อว่า สำหรับวัคซีนที่ทำการทดสอบในอาสาสมัครที่คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล ไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานั้น จากที่ได้รับทราบพบว่าอาสาสมัครบางราย มีอาการเฉพาะที่เกิดขึ้นบ้าง เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดเมื่อยตามตัว แต่ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร จากนี้ไปต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ จึงจะสามารถเจาะเลือดอาสาสมัครไปตรวจอีกครั้งว่าในเลือดมีผลการกระตุ้นจากวัคซีนมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ทั่วโลก และในบ้านเราก็ต้องมีการพัฒนาวัคซีนอยู่ตลอดเวลาโดยต้องเน้นให้วัคซีนสามารถป้องกันข้ามสายพันธุ์ได้ สามารถป้องกันได้ในทุกสายพันธุ์ และวิธีการใช้ต้องไม่ยุ่งยาก นอกจากการฉีดแล้ว อาจพัฒนาเป็นการฉีดพ่น สูดดม หรือใช้ทา ด้วย
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวด้วยว่า สำหรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่ผลิตจากฝั่งซีกโลกภาคใต้ ที่จะมีการนำเข้ามาในช่วงเดือนเมษายน และ พฤษภาคม นั้น จะเป็นวัคซีนตามฤดูกาลชนิดที่มี H1N1 สายพันธุ์ใหม่ใส่เข้ามาแล้ว เพราะที่ผ่านมาจะมีแค่ H1N1ตัวเก่า ซึ่งไม่สามารถป้องกันเชื้อสายพันธุ์ใหม่ได้ ทั้งนี้วัคซีนหวัดประจำฤดูกาลตัวล่าสุดที่จะนำเข้ามาจะประกอบไปด้วย H1N1 สายพันธุ์ใหม่ H3N2 และ B เข้ามาแทนที่ ซึ่งองค์การอนามัยโลก(WHO) ได้ยืนยัน และแนะนำแล้วว่าให้ใช้ตัวนี้ได้ ต่อจากนี้ทุกบริษัทก็จะนำเข้าวัคซีนตัวใหม่นี้ทั้งหมด
“ตั้งแต่ปี 53 เป็นต้นไปสายพันธุ์ที่จะใส่ลงในวัคซีนป้องกันหวัดตามฤดูกาลก็จะประกอบไปด้วยเชื้อ H1N1 สายพันธุ์ใหม่ โดยเอา H1N1ตัวเก่าออก แต่ H3N2 และ B ยังอยู่แต่อาจจะปรับเปลี่ยนสายพันธุ์บ้างเล็กน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้การฉีดวัคซีนป้องกันการระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่จะสั่งซื้อเข้ามาก็อาจจะลดจำนวนการซื้อลงได้ เพื่อรอวัคซีนหวัดประจำฤดูกาลที่จะเข้ามาใหม่ ที่จะสามารถป้องกันได้ทั้งหวัดประจำฤดูกาล และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ในตัวเดียว สำหรับราคาของวัคซีนตัวใหม่ก็ไม่น่าจะเกิน 300 บาท” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าว
