สสส. ผนึกกำลังเครือข่ายงดเหล้า รณรงค์ “ให้เหล้าเท่ากับแช่ง” สะท้อนภัยน้ำเมารับปีใหม่53 ชี้รณรงค์ปีที่แล้วประสบความสำเร็จ ปชช. 75 % เมินเหล้าเป็นของขวัญปีใหม่ วอนห้างดังปลอดกระเช้าเหล้า
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2552 ที่บริเวณป้ายรถเมล์ อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายละครรณรงค์งดเหล้า (ดีดี๊ดี) เครือข่ายองค์กรงดเหล้า จัดกิจกรรมรณรงค์ “ให้เหล้าเท่ากับแช่ง” เพื่อให้ประชาชนเลิกให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นของขวัญปีใหม่ 2553 ซึ่งกิจกรรมภายในงานมีการจัดกระเช้าขนาดยักษ์ มีการ์ดข้อความเขียนว่า ให้เหล้าเท่ากับแช่ง อีกทั้งมีการแสดงละคร “ผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” เพื่อสะท้อนปัญหาที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ อุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาท และปัญหาสุขภาพ นอกจากนี้ทางเครือข่ายฯ พร้อมใจกันชูป้ายโดยมีข้อความรณรงค์ เช่น ปีใหม่นี้เลิกให้เหล้ากันเถอะ ชวนคนไทยปีใหม่ไม่ให้เหล้า ให้เหล้าปีใหม่ไม่จริงใจไม่รักกันจริง ฯลฯ โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ กล่าวว่า ในปี 2551 การรณรงค์ “ให้เหล้าเท่ากับแช่ง” ถือเป็นปีแรกที่เริ่มรณรงค์ โดยพบว่า 30.2 % ประชาชนยังซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นของขวัญ แต่ในปี 2552 ลดลงเหลือเพียง 21.1% ประชาชน 75% ระบุว่าไม่ต้องการรับของขวัญที่มีแอลกอฮอล์ รวมถึงไม่ต้องการให้มีการจำหน่ายกระเช้าของขวัญที่มีแอลกอฮอล์ โดยให้เหตุผลว่า เหล้าเป็นอันตรายต่อชีวิต ดื่มแล้วขาดสติ ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ทั้งปัญหาอุบัติเหตุ ปัญหาการทะเลาะวิวาท ปัญหาครอบครัว ทำให้เสียหน้าที่การงาน และเป็นการส่งเสริมให้คนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น โดย 51.0% ระบุของขวัญที่อยากให้เป็นของขวัญปีใหม่มากที่สุด คือ ขนม ของหวาน ผลไม้ รองลงมา คือกระเช้าของขวัญ และการ์ดอวยพร
ดร.สุปรีดา กล่าวว่า การให้ของขวัญเพื่อสุขภาพถือเป็นเรื่องที่ดีและมีคุณค่าทางจิตใจต่อทั้งผู้รับและผู้ให้ อย่างไรก็ตามการสร้างทัศนคติที่ดีต่อการให้ของขวัญจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศจึงไม่ควรทำร้ายผู้บริโภคด้วยการจำหน่ายหรือวางโชว์กระเช้าของขวัญปีใหม่ที่มีแอลกอฮอล์รวมอยู่ด้วย เนื่องจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตามมาตรา 30(5) เรื่องการบังคับซื้อ ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ที่กำหนดว่า การจำหน่ายกระเช้าของขวัญที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมอยู่ด้วย จะเข้าลักษณะเป็นการกำหนดเงื่อนไขการขายที่เป็นการบังคับซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยทางตรงหรือทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นการขายพ่วงกับสินค้าใดๆ
นอกจากนี้ หากมีการโฆษณาส่งเสริมการขายด้วย จะมีความผิดตามมาตรา 32 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 50,000 บาท อย่างไรก็ตามกฎหมายนี้ไม่ได้ห้ามห้าง ร้านค้า จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังสามารถจำหน่ายได้ตามปกติภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ไม่สามารถนำมาจัดใส่กระเช้าของขวัญและตั้งโชว์ทั้งด้านหน้าและภายในร้านเท่า
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2552 ที่บริเวณป้ายรถเมล์ อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายละครรณรงค์งดเหล้า (ดีดี๊ดี) เครือข่ายองค์กรงดเหล้า จัดกิจกรรมรณรงค์ “ให้เหล้าเท่ากับแช่ง” เพื่อให้ประชาชนเลิกให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นของขวัญปีใหม่ 2553 ซึ่งกิจกรรมภายในงานมีการจัดกระเช้าขนาดยักษ์ มีการ์ดข้อความเขียนว่า ให้เหล้าเท่ากับแช่ง อีกทั้งมีการแสดงละคร “ผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” เพื่อสะท้อนปัญหาที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ อุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาท และปัญหาสุขภาพ นอกจากนี้ทางเครือข่ายฯ พร้อมใจกันชูป้ายโดยมีข้อความรณรงค์ เช่น ปีใหม่นี้เลิกให้เหล้ากันเถอะ ชวนคนไทยปีใหม่ไม่ให้เหล้า ให้เหล้าปีใหม่ไม่จริงใจไม่รักกันจริง ฯลฯ โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ กล่าวว่า ในปี 2551 การรณรงค์ “ให้เหล้าเท่ากับแช่ง” ถือเป็นปีแรกที่เริ่มรณรงค์ โดยพบว่า 30.2 % ประชาชนยังซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นของขวัญ แต่ในปี 2552 ลดลงเหลือเพียง 21.1% ประชาชน 75% ระบุว่าไม่ต้องการรับของขวัญที่มีแอลกอฮอล์ รวมถึงไม่ต้องการให้มีการจำหน่ายกระเช้าของขวัญที่มีแอลกอฮอล์ โดยให้เหตุผลว่า เหล้าเป็นอันตรายต่อชีวิต ดื่มแล้วขาดสติ ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ทั้งปัญหาอุบัติเหตุ ปัญหาการทะเลาะวิวาท ปัญหาครอบครัว ทำให้เสียหน้าที่การงาน และเป็นการส่งเสริมให้คนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น โดย 51.0% ระบุของขวัญที่อยากให้เป็นของขวัญปีใหม่มากที่สุด คือ ขนม ของหวาน ผลไม้ รองลงมา คือกระเช้าของขวัญ และการ์ดอวยพร
ดร.สุปรีดา กล่าวว่า การให้ของขวัญเพื่อสุขภาพถือเป็นเรื่องที่ดีและมีคุณค่าทางจิตใจต่อทั้งผู้รับและผู้ให้ อย่างไรก็ตามการสร้างทัศนคติที่ดีต่อการให้ของขวัญจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศจึงไม่ควรทำร้ายผู้บริโภคด้วยการจำหน่ายหรือวางโชว์กระเช้าของขวัญปีใหม่ที่มีแอลกอฮอล์รวมอยู่ด้วย เนื่องจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตามมาตรา 30(5) เรื่องการบังคับซื้อ ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ที่กำหนดว่า การจำหน่ายกระเช้าของขวัญที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมอยู่ด้วย จะเข้าลักษณะเป็นการกำหนดเงื่อนไขการขายที่เป็นการบังคับซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยทางตรงหรือทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นการขายพ่วงกับสินค้าใดๆ
นอกจากนี้ หากมีการโฆษณาส่งเสริมการขายด้วย จะมีความผิดตามมาตรา 32 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 50,000 บาท อย่างไรก็ตามกฎหมายนี้ไม่ได้ห้ามห้าง ร้านค้า จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังสามารถจำหน่ายได้ตามปกติภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ไม่สามารถนำมาจัดใส่กระเช้าของขวัญและตั้งโชว์ทั้งด้านหน้าและภายในร้านเท่า